CPF จับมือก.เกษตรฯ เดินหน้า “โครงการอาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” ส่ง Food Truck บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในชุมชนแออัด

คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ CEO ซีพีเอฟ  ร่วมเปิดตัวโครงการ “อาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารจากวิกฤตโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในชุมชนแออัดในเขตบางกอกน้อยและเขตบางพลัด กทม. รวมถึงประชาชนในภาคเหนือและภาคใต้ โดยมี คุณพงศธร ศิริธรรม ผอ.เขตบางกอกน้อย และ คุณปัญชพัฒน์ หลักดี ผอ.เขตบางพลัด ร่วมด้วย ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้างและมีผู้ได้รับผลกระทบมากมาย โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่กันอย่างแออัดในชุมชนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย น่าเห็นใจมาก ขณะที่ กระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลด้านกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัย จึงต้องการใช้จุดแข็งนี้บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนตามชุมชนแออัด โดยจะเริ่มที่เขตบางกอกน้อยและเขตบางพลัด จากนั้นจะขยายผลสู่ประชาชนในภาคเหนือ เริ่มที่ จ.พิจิตร และภาคใต้ ที่ จ.ตรัง ต่อไป”

คุณประสิทธิ์ กล่าวว่า “เราขอใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรในด้านอาหาร ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยจะใช้รถ Food Truck CP Freshmart นำอาหารไปอุ่นร้อนแจกจ่ายประชาชนในเขตบางกอกน้อยและบางพลัดเขตละ 10 วัน ให้ทุกคนได้อิ่มท้องในช่วงเวลายากลำบากจากโควิด-19

CPF ขอชื่นชมรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารจัดการโรคได้อย่างดีเยี่ยม มีระบบสาธารณสุขที่ดี คุมการกระจายของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอความร่วมมือทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง หากรักษาพฤติกรรมแบบนี้เอาไว้ได้ เชื่อว่า เราจะปลอดภัยและการดำเนินธุรกิจอาหารจะราบรื่น ไม่เกิดภาวะขาดแคลน”

การส่งมอบอาหารในครั้งนี้ เป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน ภายใต้หลักคิด Good Corporate Citizen ที่ร่วมสร้างและดูแลสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าให้กับประเทศ

ก่อนหน้านี้ CPF ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 1 และ ททบ.5 มอบอาหารให้แก่ชุมชนคลองเตยไปแล้ว 8,499 ครัวเรือน

ขณะเดียวกัน CPF ยังสนับสนุนมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ส่งอาหารให้แพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาล 301 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็น รพ. ของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด แบ่งเป็น รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 268 แห่ง และ รพ.ในสังกัดอื่นๆ 33 แห่ง รวมถึงการส่งอาหารให้ประชาชนที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงอีก 20,000 คน เพื่อสนับสนุนความรับผิดชอบต่อสังคมและช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อ

นอกจากนี้ ยังขยายผลไปถึงครอบครัวแพทย์-พยาบาลอีก 30,000 ครอบครัว เพื่อให้แพทย์และพยาบาลลดความกังวลด้านการจัดหาอาหารให้คนในบ้าน สามารถทุ่มเทดูแลรักษาผู้ป่วยได้เต็มที่ ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงบทบาทของการเป็นบริษัทไทยที่ร่วมต้านภัยโควิด-19 อย่างจริงจังและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

Cr:Pr CPF