กลุ่มพืชครบวงจร(ข้าวโพด) เปิดตัว “โครงการปลูกป่าในบ้าน” เพิ่มพื้นที่สีเขียวใน 7 พื้นที่ทั่วประเทศ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 เพราะเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจ และความยั่งยืนของสังคม กับสิ่งแวดล้อมต้องทำควบคู่กันไป โดยเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เครือฯได้จัดทำโครงการ “We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน” ขึ้น เพื่อรณรงค์และสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานในเครือฯ ปลูกไม้ยืนต้น และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ของเครือฯทั่วประเทศ

ดังนั้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูธรรมชาติและสภาพแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมการปลูกไม้ยืนต้น ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สำเร็จตามเป้าหมายที่เครือฯวางไว้ กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) จึงได้จัด “โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP (Green Home CPP)” ขึ้นใน วันพฤหัสบที่ 2 กรกฎาคม 2563 ณ สถานีวิจัยแสงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี โดยมี คุณสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ภายในงานยังมีผู้บริหารจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้บริหารจากกลุ่มการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนผู้บริหาร ผู้บริหารเขตประเทศ และพนักงานจิตอาสาจากกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) กว่า 250 คน ปลูกไม้ยืนต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวร่วมกัน

คุณพัชรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะทำงานโครงการรณรงค์การปลูกไม้เศรษฐกิจ กล่าวว่า เรียน คุณสุเมธ ภิญโญสนิท และผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) / ผู้บริหารเขตประเทศ และผู้แทนจากกลุ่มการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงเพื่อนพนักงานจิตอาสาทุกท่าน ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกต้นไม้ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในครั้งนี้

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันโลกของเรากำลังเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรง ทุกวันเราจะได้รับทราบข่าวสาร เกี่ยวกับผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ประเทศไทยเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทั้งปัญหาน้ำท่วมหนัก ภัยแล้งรุนแรง รวมถึงเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีปริมาณสูงจนติดอันดับโลก

ทุกปัญหาที่กล่าวมา บ่งบอกถึงสถานการณ์โลกร้อน อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจากภาวะเรือนกระจก มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งล้วนมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไม่เห็นคุณค่า และไม่ช่วยกันดูแลรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ตระหนัก และให้ความสำคัญกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากจะมีนโยบายเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้พลังงานต่างๆ ในอาคาร หรือกระบวนการทำงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ร้อยละ 10 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 แล้ว ล่าสุดท่านยังมุ่งมั่น ให้เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กร ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 เพราะท่านเชื่อว่า การดำเนินธุรกิจ และความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป


ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงได้จัดทำโครงการ “We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน” ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ทุกหน่วยงานในเครือฯ ปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ของเครือฯทั่วประเทศ เพราะต้นไม้นอกจากจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญแล้ว ยังช่วยดูดซับน้ำ ป้องกันการพังทะลายของหน้าดิน ลดผลกระทบจากวาตภัย ตลอดจนช่วยลดปัญหาเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็กด้วย

ทั้งนี้ เครือฯ มีความตั้งใจที่จะเชิญชวนพนักงานกว่า 3 แสนคนทั่วโลก ร่วมกันแสดงพลังในการดูแล ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และธรรมชาติรอบๆตัวเรา ด้วยการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ทำงาน พร้อมกับขยายผลการปลูกต้นไม้ไปสู่พื้นที่ที่บ้าน หรือชุมชนที่อาศัยคนละ 3-5 ต้น ตลอดจนคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีไว้ให้กับลูกหลานของเรา

จึงเป็นเรื่องน่ายินดี ที่กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) ทำ “โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP (Green Home CPP) ขึ้นในวันนี้ และยังมีแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อน การดำเนินนโยบายของเครือฯ มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์(Carbon Neutral) ในปี 2573
ขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน สามารถดำเนินโครงการดีๆ ได้สำเร็จ ตามแผนงานที่วางไว้  คุณพัชรี กล่าว

โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพิ่มพื้นที่สีเขียวของกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) โดยการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ขององค์กร ได้แก่ สถานีวิจัย โรงงาน ฟาร์ม และพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งหมด 7 แห่งทั่วประเทศ มีพื้นที่เป้าหมายรวม 1,385 ไร่ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ระหว่างปี 2563-2567 คาดว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถช่วยดูดซับก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 41,500 ตันคาร์บอน (CO2e)

ส่วนพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูก เน้นไม้ยืนต้นที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ 9 ชนิด ได้แก่ สัก แคนา ชิงชัน ยางนา พะยอม มะค่าโมง ประดู่ป่า มะฮอกกานี และพะยูง ซึ่งนอกจากจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ และสามารถตัดขายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ตลอดจนสามารถนำเศษซากไม้จากการตัดแต่งไม้มาใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงชีวมวลภายในองค์กรได้ด้วย

นอกจากจะเดินหน้าปลูกไม้ยืนต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ขององค์กรทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศแล้ว กิจกรรมเปิดตัว “โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP” ครั้งนี้ ยังส่งต่อกล้าพันธุ์ไม้ให้กับตัวแทนหน่วยงานต่างประเทศเช่น อินเดีย เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ลาว ไปดำเนินการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่งานและชุมชนรอบๆ โดยถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์