เปิดกลยุทธ์ ‘ทรูช้อปปิ้ง’ ย้ำความเป็นผู้นำ Health&Beauty และ Total Solution Services ปูทางขึ้นแท่นกำไรอันดับ 1 ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง

แม้ ‘โฮมช้อปปิ้ง’ จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการเติบโตน่าสนใจ เพราะได้รับอานิสงค์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุค New Normal ที่ออกไปช้อปนอกบ้านหรือเดินทางไปห้างน้อยลง ขณะเดียวกันธุรกิจนี้ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตของโรคระบาดที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ จนรายได้ของผู้ประกอบการโฮมช้อปปิ้งหลายรายตกอยู่ในภาวะสะดุด

แต่ไม่ใช่กับ ‘ทรูช้อปปิ้ง’ (True Shopping) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์กรชั้นนำอย่าง ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ กับ ‘จีเอส ช้อป’ (GS Shop) ผู้นำโฮมช้อปปิ้งอันดับ 1 จากเกาหลี ที่เมื่อปี 2563 มีการเติบโตสวนกระแส โดยมีรายได้ 2,300 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 50.4% และในปี 2564 เตรียมสานต่อความสำเร็จดังกล่าว ด้วยการเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำ Health&Beauty และ Total Solution Services ภายใต้เป้าหมายยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท มีกำไรก้าวสู่เบอร์ 1 ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งของบ้านเรา

“ทรูช้อปปิ้งมีการปรับตัวเร็วและปรับต่อเนื่องมาตลอด จนเติบโตได้อย่างที่เห็น ตอนนี้มีฐานลูกค้าอยู่ 3.2 ล้านคน ส่วนคู่ค้าที่อยู่กับเรากว่า 400 คู่ค้า ก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 45% และคู่ค้าที่มียอดขายมากกว่า 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่า แน่นอนสิ่งเหล่านี้จะถูกต่อยอดให้เราเติบโตต่อไปและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้” คุณองอาจ ประภากมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู จีเอส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ‘ทรูช้อปปิ้ง’ เล่าถึงทิศทางการบุกธุรกิจโฮมช้อปปิ้งต่อจากนี้

เปิดกลยุทธ์โตสวนกระแส

สำหรับกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จให้ทรูช้อปปิ้ง หัวใจหลัก ๆ มาจากการตอบเทรนด์ของตลาดและความต้องการของลูกค้า ได้แก่

1.การคัดสรรและนำเสนอสินค้าที่ใช่ ที่โดน สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในยุค new normal ที่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ได้แก่ เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องครัว และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ เช่น Cuwin Mask หน้ากากอนามัยนำเข้าจากเกาหลีที่มี แผ่นกรองถึง 4 ชั้น ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 สวมใส่สะดวกหายใจได้ง่าย ซึ่งเป็นสินค้าขายดีจนถึงปัจจุบัน ฯลฯ

ขณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมาทางทรูช้อปปิ้ง ได้เริ่มปรับ Product Portfolio มาเน้นสินค้า Soft Line ประกอบด้วยสินค้า Health&Beauty สุขภาพและความงาม, สินค้าอาหาร และสินค้าแฟชั่น เพราะนอกจากตอบเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคแล้ว จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า สินค้ากลุ่มนี้มีอัตราการกลับมาซื้อซ้ำที่สูง

“การที่ทรูช้อปปิ้งมี GS Shop จากเกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องความงาม ทำให้เรานำเสนอสินค้าในกลุ่ม Soft Line ได้แตกต่าง หลากหลายกว่าคู่แข่ง ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มนี้เติบโตถึง 80% และเราเองกลายเป็นผู้นำในเรื่องสินค้าสุขภาพและความงามไปแล้ว”

2.คุณภาพสินค้าต้องดี โดยสินค้าทั้งหมดที่ขายทางทรูชอปปิ้งนั้น ได้คัดสรรมาอย่างดีและการันตี ‘คุณภาพ’ ให้ลูกค้าได้สินค้า ‘ตรงปก’ เห็นในจออย่างไร ได้สินค้าตามนั้น

3.พัฒนาบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็น การจัดทีมคอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อรับออเดอร์ซื้อขาย จัดส่งสินค้า และให้บริการดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง , การปรับปรุงในเรื่องการขนส่งให้ลูกค้าได้รับสินค้ารวดเร็วภายใน 2-5 วัน และทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อลดความเสียหายระหว่างขนส่ง หรือกรณีลูกค้าไม่พอใจสินค้า ก็ยินดีไปรับคืนถึงที่บ้าน

4.ให้ความสำคัญกับการทำ CRM แคมเปญ ‘True shopping plus’ เพื่อสร้างความพึงพอใจและเพิ่มการซื้อซ้ำของลูกค้า ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้พอยด์สะสมมากขึ้นจากเดิม 10 เท่า เช่น การซื้อทุก 1,000 บาท จะได้รับเงินคืนสะสมมูลค่า 50 บาท สำหรับใช้แทนเงินสดในการซื้อครั้งต่อไป ฯลฯ และมี on top สำหรับการซื้อครั้งที่ 2-3 ได้ปรับสถานะเป็น GOLD รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ซื้อครั้งที่ 4 ภายใน 3 เดือน จะได้ปรับสถานะเป็น VIP ได้ส่วนลดเพิ่ม 7% ซึ่งหลังได้นำ True shopping plus มาใช้กว่า 1 ปี มีลูกค้าซื้อซ้ำโตถึง 164% มีการสั่งซื้อต่อครั้งอยู่ที่ 1,400 บาท ดังนั้น CRM จึงเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในปีนี้

5. เพิ่มช่องทางการขาย สำหรับกลยุทธ์นี้ทรูช้อปปิ้งโฟกัสสร้างช่องทางจำหน่ายแบบ O2O คลอบคลุมออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้าง Omni Channel เติมเต็มความสะดวกให้ลูกค้าช้อปได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเน้นการเข้าถึง ตอบสนองเทรนด์และพฤติกรรมของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

เริ่มจากออนไลน์ได้ขยายช่องทางจำหน่ายออกไปหลากหลาย ทั้งอี-คอมเมิร์ซ ผ่านลาซาด้า ชอปปี้ เจดีเซ็นทรัล , โซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น facebook ฯลฯ, จับมือกับ 7-Eleven พาร์ทเนอร์ภายในเครือเข้าไปเปิดชอป ทรูช้อปปิ้ง ในแอปฯ All Online รวมถึงขายผ่านทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลรายใหญ่ ๆ ทั้งหมด  รับชมผ่านช่อง 41 กล่องทรูวิชันส์, PSI, GMM Z, ดิจิทัล ทีวี 10 ช่อง

ส่วนช่องออฟไลน์ มีทีม tele sale ที่นำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นให้ลูกค้า และได้ร่วมมือกับ Lotus’s, Makro, Boots, Watsons, L.A.B SOCIETY, Hej Street Beauty, CJ Express และในอนาคต หาก‘มีช่องทางอะไรใหม่’ ทรูช้อปปิ้งก็พร้อมเข้าไปทันที

“กลยุทธ์ทั้งหมดทำให้เราโตสวนกระแสตลาด และช่วงโควิดที่ผ่านมาเราปรับการบริหารตามนโยบายบริษัทแม่ มีมาตรการดูแลความสะอาดการคัดกรองที่เข้มข้น การเว้นระยะห่าง การกำหนดการเข้างานเฉพาะจำเป็น ให้พนักงานทำงานที่บ้าน แล้วใช้ระบบไอทีและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น คอลล์เซ็นเตอร์ ใช้ไอทีเชื่อมระบบทำงานจากที่บ้านได้ ฯลฯ จากการบริหารที่มีระบบ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเป็นไปได้อย่างดี”

ต่อยอดความสำเร็จปี 64 สู่เบอร์ 1 โฮมช้อปปิ้งในไทย

มาถึงปี 2564 เป้าหมายของทรูช้อปปิ้ง ต้องการสานต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งของไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Health&Beauty และการเป็น Total Solution Services บริหารการขายแบบครบวงจรให้กับคู่ค้ามีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

“เราทำรีเสิร์ช brand awareness จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศว่า ลูกค้านึกถึงทรูช้อปปิ้ง นึกถึงอะไร คำตอบที่ได้รับ คือ ความสวยความงาม สินค้า Health&Beauty เมื่อคุยกับคู่ค้าได้คำตอบว่า ขายสินค้ากลุ่มนี้ได้ดีมากกว่าไปขายที่อื่น เราจึงวางโพสิชั่นและตอกย้ำเรื่องนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น”

การเดินหน้าทำการตลาดและตอกย้ำโพสิชั่นนี้ นอกจากมีโปรโมชั่นมากมาย เช่น Beauty Day ลดสูงสุด 70% และจัดส่งฟรี แล้ว ปี 2564 จะเน้นนำเสนอสินค้ากลุ่มนี้ให้ตรงความต้องการของตลาดและลูกค้า ซึ่งการที่ทรูช้อปปิ้งมี GS Shop เป็นพาร์ทเนอร์ ถือเป็นความได้เปรียบและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นที่หันมาโฟกัสเรื่อง Health&Beautyเหมือนกัน

เพราะ GS Shop ได้คัดเลือกและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ประสบความสำเร็จในเกาหลีมาทำตลาดในไทย อาทิ ILDONG First lab, 9Tails, Centilian CPP, TS shampoo และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงช่วยพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์พิเศษให้ตลาดไทยโดยเฉพาะ เช่น COS NINE Tone up Blanc cream ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างและพัฒนาสินค้า House Brand  ที่เน้นคุณภาพ สร้างความน่าเชื่อถือและน่าจดจeผ่านพรีเซ็นเตอร์ชื่อดังมากการันตีสินค้าคุณภาพ เช่น TAKARA COLLAGEN คอลลาเจนขายดีอันดับ 1 ของทรูช้อปปิ้ง การันตีโดย “ตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา”, โทนอัพครีมบำรุง COS NINE Tone Up Blanc Cream พัฒนาสูตรพิเศษจากเกาหลีตอบโจทย์สภาพผิวสาวไทย โดย “น้ำชา-ชีรณัฐ ยุสานนท์” นักแสดง-บิวตี้ บล็อกเกอร์คนดัง และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมภายใต้แบรนด์ Hair2Pro ที่ทรูช้อปปิ้งร่วมมือกับ ‘Workpoint’ นำเสนอคอนเทนต์แนะนำปัญหาสุขภาพผมของคนไทย ผ่านประสบการณ์ใช้จริงของพิธีกร นักแสดงชื่อดัง “บอย-พิษณุ นิ่มสกุล”

ส่วน Total Solution Services เป็นระบบบริหารการขายแบบครบวงจร เพื่อให้พาร์ทเนอร์สามารถทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าทางทีวี หรือทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องลงทุนระบบ หรือมีทีมงานจำนวนมาก โดย ทรูช้อปปิ้งจะรับทำงานแทนตั้งแต่รับสาย ตอบแชท 24 ชั่วโมง ทำคำสั่งซื้อ จัดส่ง เก็บเงินทุกช่องทาง ดูแลบริการหลังการขาย รวมถึงรายงานยอดขายแบบออนไลน์ มีเบอร์โทรศัพท์พิเศษ 1235 ให้ใช้ได้ทันที หรือจะเอาเบอร์โทรมาเชื่อมต่อกับทรูช้อปปิ้งก็ได้ จึงมี พาร์ทเนอร์, SME และศิลปินดาราจำนวนมากเลือกทำธุรกิจร่วมกับทรูช้อปปิ้ง

 ตั้งเป้ายอดขาย 3,000 ล้านบาท ในปี 2564

แม้การดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะยากลำบากกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และได้รับผลกระทบจากการปิดสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยส่วนตัวคุณองอาจมองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะฟื้นตัวส่วนตัวจะมาช่วงไตรมาส 4 แต่จากการดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอสินค้าดี มีคุณภาพ มีความหลากหลาย และราคาสมเหตุสมผล

ตลอดจนกลยุทธ์ในการตอกย้ำความเป็นผู้นำHealth&Beauty และ Total Solution Services ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทรูช้อปปิ้ง คุณองอาจเชื่อว่า จะบรรลุเป้าหมายการมียอดขาย 3,000 ล้านบาทในปี 2564  มีกำไรขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งของไทยได้แน่นอน

พิสูจน์ให้เห็นแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ทางทรูช้อปปิ้งมีการเติบโตถึง 31% สวนกระแสเศรษฐกิจและภาพรวมของธุรกิจโฮมชอปปิ้งที่คาดว่า จะโตอยู่ในระดับ single digit  และมีผู้ประกอบการหลรายอยู่ในภาวะสะดุด

https://www.marketingoops.com/