
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดการประชุม “ที่ประชุมคณบดี ประจำปี2568” ระหว่าง 18-20 กรกฎาคม2568 ณ สถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จ.นครราชสีมา นำทีมโดย ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี พร้อมด้วยรองอธิการบดี และคณบดีจากทุกคณะ เพื่อร่วมกัน ขับเคลื่อนนโยบายและทิศทางของมหาวิทยาลัย โดยการประชุมครั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้เกียรติ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยเชิญบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Growth Strategies with Educational Connections“ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเครือซีพีซึ่งเป็นภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเปิดการประชุมที่ประชุมคณบดีโดยระบุว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนองค์กรผ่านสองแนวทางหลัก ได้แก่ 1.Integrated Growth การเติบโตร่วมกับภายนอก โดยเรียนรู้จากบุคคลและองค์กรที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ และ2.Internal Growth การเติบโตจากภายใน โดยเน้นการพัฒนาทักษะและสมรรถนะของบุคลากรในมหาวิทยาลัยให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง

ในการนี้ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งได้รับเชิญบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Growth Strategies with Educational Connections: การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน” เป็นผู้แทนเครือซีพีกล่าวต้อนรับคณาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ให้เกียรติจัดการประชุมประจำปีที่ประชุมคณบดี ณสถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งสถาบันผู้นำนี้ก่อตั้งขึ้นตามวิสัยทัศน์ของท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาผู้นำทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยแนวทางพัฒนาผู้นำของเครือฯ ผ่านโครงการ 4 ระดับ ได้แก่ 1) เถ้าแก่น้อย (FLP), 2) เถ้าแก่เล็ก (PLP), 3) เถ้าแก่กลาง (LDP) และ 4) เถ้าแก่ใหญ่ (SLP) ซึ่งดำเนินการภายใต้แนวทาง Action-Based Learning จนถึงปัจจุบันได้พัฒนาผู้นำในเครือฯมาแล้ว 18 รุ่น มีผู้ผ่านการอบรมผู้นำเกือบ 9,000 คน

นอกจากนี้ ดร.ธีระพล ได้แลกเปลี่ยนมุมมองแก่เหล่าคณาจารย์ ในหัวข้อ “Growth Strategies with Educational Connections: การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน” โดยนำเสนอถึงบริบทโลกใหม่: โลกหลายขั้ว–โลกร้อน–ดิจิทัล–คนรุ่นใหม่ที่องค์กรต้องเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างจากภูมิรัฐศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนแปลงประชากร

ทั้งนี้ยังกล่าวถึงกลยุทธ์ซีพี ที่เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยคน + เทคโนโลยี + ความร่วมมือ โดยเครือฯ เน้นพัฒนาคนให้ “เก่งและดี” ด้วยหลักสูตรผู้นำ 4 ระดับ (เถ้าแก่น้อย–ใหญ่) ใช้ Action-Based Learning เพื่อฝึกภาวะผู้นำจริงจากสนามจริง โดยมีสถาบันผู้นำเป็นศูนย์กลาง ปัจจุบันเครือฯมีพนักงานทั่วโลกกว่า 500,000 คน โดยอยู่ในประไทย 350,000 คน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโตคือ “คน”
ทั้งยังแบ่งปันด้วยว่า เครือซีพีมุ่งสู่ Tech-Driven Conglomerate มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Tech-Driven และเติบโตบนพื้นฐานของความร่วมมือ โดยใช้เทคโนโลยี เช่น AI, Robotics, Smart Farming, Digital Health และพลังงานสะอาด เป็นต้น
พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงแนวทางสู่ความยั่งยืนของเครือฯ คือ ผสานหลัก 3 ประโยชน์ + SDGs + เศรษฐกิจพอเพียง วางรากฐานองค์กรผ่าน Governance, Human Rights, Innovation และ Climate Resilience

นอกเหนือจากนี้ ได้กล่าวถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทย โดยเห็นว่าหากไทยลงทุนใน “การสร้างคน” พัฒนาประเทศเป็น Education Hub จะสามารถสร้าง Soft Power ให้กับประเทศได้ การศึกษาคือเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดและสร้าง “คนเก่งและคนดี” มาสู่ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่
การประชุมในครั้งนี้นับเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคเอกชน ที่ต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาคนเพื่ออนาคตของประเทศ โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อมั่นว่า “การศึกษา” คือการลงทุนระยะยาวที่สำคัญที่สุดขององค์กรและสังคม และจะยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพผู้นำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังที่จะส่งมอบ “คนดี คนเก่ง” สู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยในศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน


