
29 กรกฎาคม 2568 – เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ร่วมเวทีเสวนา “Innovation for Sustainability” ภายในงาน GCNT Expo 2025 เวทีระดับชาติด้านความยั่งยืน จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันภาคธุรกิจไทยให้มีบทบาทสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่ True Digital Park สุขุมวิท 101 โดยมีผู้ร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง
ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวถึงความท้าทายระดับโลกที่ทุกภาคส่วนต้องเผชิญร่วมกัน โดยเฉพาะความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งจนถึงวันนี้ โลกเดินหน้าไปได้เพียง 17% ของเป้าหมายทั้งหมด 17 ข้อ และหากยังคงอัตราความก้าวหน้าในลักษณะนี้ จะไม่มีเป้าหมายใดสามารถสำเร็จได้ภายในปี 2030

“เรากำลังอยู่ในโลกที่มีแรงเสียดทานมหาศาล ทั้งปัญหาความมั่นคงทางอาหาร พลาสติกที่กลายเป็นไมโครพลาสติกกว่า 90% ในแหล่งน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เราจึงต้องการ Game Changer ที่จะไม่แค่แก้ปัญหา แต่เปลี่ยนเกมใหม่ทั้งหมด และนั่นคือ AI และนวัตกรรม” ดร.ธีระพล กล่าว
สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงเป้าหมายปลายทาง แต่เป็นยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ โดยตั้งเป้า 3 เป้าหมายใหญ่ ได้แก่ Carbon Neutral ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2050 Zero Waste ภายในปี 2030 และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการส่งเสริมการศึกษาและสร้างโอกาส โดยเชื่อว่าการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในระดับอุตสาหกรรม การสนับสนุนเกษตรกรให้เปลี่ยนผ่านจากวิถีเกษตรแบบเดิมสู่ “นวัตกรยุคใหม่” และการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง “หมอดี” เพื่อส่งเสริมระบบ Telehealth และการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง เป็นต้น

ดร.ธีระพล ยังเสนอแนวทางเร่งด่วน 6 ประการ เพื่อให้องค์กรสามารถพลิกตัวอย่างมีประสิทธิภาพในยุคเปลี่ยนผ่าน ได้แก่ 1. Business Reinvention ปรับวิธีคิดและรูปแบบธุรกิจใหม่ 2. ลดการพึ่งพาผู้เดียว สร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน 3. สร้างพันธมิตรที่หลากหลาย ในเชิงเศรษฐกิจและเทคโนโลยี 4. ยกระดับ Digital Literacy ให้แข่งขันได้ในโลกใหม่ 5. พัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ 6. ยึดมั่นในหลักสากล (Principle-based engagement) ในเวทีระหว่างประเทศ
ดร.ธีระพล ยังเน้นย้ำบทบาทของ AI ว่าไม่ควรถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือทดลอง แต่ต้องเป็น “เครื่องมือเพิ่มพลัง” ที่องค์กรต้องเร่งขยับและขยายให้เร็ว พร้อมทั้งเสนอ 4 แนวทางสำคัญที่ผู้นำองค์กรต้องลงมือทำทันที ได้แก่ 1. ขยับเร็ว–ขยายไว (Move Fast, Scale Rapidly) อย่าติดกับดักทดลองแล้วไม่ขยาย 2. ปรับโครงสร้างองค์กร (Rewire Organization) ปรับทีม วัฒนธรรม และการตัดสินใจให้รองรับ AI 3. สร้างทักษะ AI (Build Core Competency around AI Models)พัฒนาโมเดล AI ที่เหมาะสม 4. ทำงานร่วมกับ AI อย่างมีคุณค่า (Human-in-the-loop) เปลี่ยนมุมมองของคนในองค์กร ให้เห็น AI เป็นพลังเสริม ไม่ใช่คู่แข่ง
“AI จะไม่เพียงช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น แต่มันกำลังช่วยเราคิดสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยคิด และสร้างสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยสร้างได้ด้วยตัวเอง พลังนี้จะเปลี่ยนเป้าหมาย Net Zero, Zero Waste และลดความเหลื่อมล้ำ ให้กลายเป็นจริงได้” ดร.ธีระพล กล่าว

ด้านนางสาวอภิพร อดุลย์พิจิตร ผู้อำนวยการด้านงานวิจัยและพัฒนาอาหาร กลุ่มประเทศเอเชีย (Greater Asia) บริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายความยั่งยืนที่ฝังอยู่ใน “จุดมุ่งหมายหลัก (Purpose)” ขององค์กร โดยปัจจุบันยูนิลีเวอร์ดำเนินธุรกิจ 190 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยในปัจจุบันสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนใน scope 1 และ 2 ได้แล้วถึง ร้อยละ 72 และตั้งเป้าหมายในปี 2030 ว่าจะลดให้ได้ถึง 100% ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าลด Scope 3 ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ได้ ร้อยละ 42 ภายในปีเดียวกัน ทั้งนี้ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ความงาม อาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่การจัดการบรรจุภัณฑ์ ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลาสติกใหม่ (Virgin Plastic) ซึ่งปัจจุบันลดลงมาเหลือเพียง 40% พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2025 ให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมด 100% เป็นแบบใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายได้ และให้ 25% ของบรรจุภัณฑ์ ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล
นางสาวอภิพรยังกล่าวถึงบทบาทของ “คน” ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาองค์กรสู่ความยั่งยืน โดยยูนิลีเวอร์มีศูนย์นวัตกรรม 6 แห่งทั่วโลก และศูนย์ออกแบบระดับภูมิภาคอีก 12 แห่งในหลายประเทศ เพื่อให้มีข้อมูลเชิงลึกจากท้องถิ่น มาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืน
“แม้ยูนิลีเวอร์จะมีระบบนิเวศน์ภายในที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเดินไปได้เพียงลำพัง ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญ ทั้งภาควิชาการ พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนลูกค้าและผู้บริโภค เช่น โครงการเกษตรฟื้นฟู ที่ดูแลทั้งความเป็นอยู่ (Well-being) และระบบนิเวศน์ของเกษตรกร หรือแนวทางการจัดการน้ำตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการสร้างห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน ซึ่งความท้าทายเหล่านี้คือโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรม” คุณอภิพรกล่าว


