
นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ โดย รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด โดย นางสาวพิไลลักษณ์ พิชัยวัตต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นตัวแทนในการร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายจักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงค์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมความยั่งยืนและองค์กรสัมพันธ์ ภาคเหนือ
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และคณะร่วมเป็นสักขีพยาน ภายใต้ความร่วมมือด้านวิชาการ การให้บริการวิชาการ และการวิจัยร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่น PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่อย่างองค์รวม (Holistic) ผสานนวัตกรรม ความรู้ทางวิชาการ และการจัดการเชิงระบบ โดยซีพีมุ่งขยายผลจากโครงการป่าปลอดเผาในอำเภอเวียงแหงไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของจังหวัด พร้อมดึงพลังคนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างอากาศสะอาด พร้อมมีแผนดำเนินงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และตรวจสอบประสิทธิภาพของโมเดลนี้ ภายใต้กรอบความร่วมมือ 5 ปี

จังหวัดเชียงใหม่ยังเผชิญปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 อย่างรุนแรงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์–พฤษภาคมของทุกปี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ระบบเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตโดยรวม ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญระดับประเทศที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ภายใต้นโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนด “6 ยุทธศาสตร์ 5 มาตรการ” เพื่อบริหารจัดการฝุ่นควันอย่างเป็นระบบ ทั้งการเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในพื้นที่ป่า การจัดกำลังลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ การบังคับใช้กฎหมาย การควบคุมการเผาในเกษตรกรรม ชุมชน การขนส่ง การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมมาตรการดูแลสุขภาพประชาชน เช่น ห้องปลอดฝุ่น พื้นที่ปลอดภัย และการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ผู้บริหารสูงสุดด้านความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ซีพีมุ่งขับเคลื่อน “3 Big Goals สู่ความยั่งยืน” ได้แก่ Carbon Neutrality ภายในปี 2573 และ Net Zero ปี 2593 การลดขยะและของเสียเป็นศูนย์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และการส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพให้เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสทั่วประเทศ
หนึ่งในโครงการที่สะท้อนเป้าหมายนี้ คือ “โครงการป่าปลอดเผา (Zero Forest Burning)” ที่ดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชนมากว่า 2 ปี เพื่อลดเชื้อเพลิงในป่าชุมชนและสร้างทางเลือกใหม่แทนการเผา โดยนำเศษใบไม้มาแปรรูปเป็นวัสดุปรับปรุงดิน ตามองค์ความรู้ “ปุ๋ยสูตรวิศวกรรมแม่โจ้ 1” ช่วยลดต้นทุนการเกษตร สร้างรายได้ให้ชุมชน และเสริมสร้างความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ PM2.5 ให้เยาวชน
ผลลัพธ์โครงการนำไปศึกษาวิจัยเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกองในอำเภอเวียงแหง เศษใบไม้ 74,925 กิโลกรัมถูกแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 102.97 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการเผา
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมด้านวิชาการ การบริการวิชาการ การวิจัยร่วม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่นักศึกษา ชุมชน และพื้นที่ปฏิบัติงานของบริษัท รวมถึงการประยุกต์ใช้นวัตกรรม “หนอนแม่โจ้ (Maejo Maggots)” เพื่อจัดการของเสียตามแนวคิด Zero Waste โดยทั้งสองฝ่ายร่วมพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนข้อมูล ทรัพยากร และงบประมาณ ภายใต้กรอบความร่วมมือ 5 ปี
ด้านพลังของคนรุ่นใหม่ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาหมอกควันและ PM2.5 อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้านตัวแทนเยาวชน One Young World จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ นางสาวภัทราภรณ์ พลอยวิเลิศ ผู้จัดการฝ่ายด้านความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เผยว่า โลกกำลังเผชิญวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ SDG เป้าหมายที่ 15 ว่าด้วยระบบนิเวศบนบก จึงเป็นภารกิจที่คนรุ่นใหม่ต้องร่วมขับเคลื่อน ผ่านโครงการ Young Transformative Leaders: Sustainable Intelligence ที่นำองค์ความรู้จากเวที One Young World มาต่อยอดสู่การทำงานจริง เช่น โครงการ “#FIGHTหมอกควัน” ที่ลงพื้นที่เชียงใหม่ร่วมกับชุมชนในการบริหารจัดการป่าชุมชน ผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกองตามสูตร “วิศวกรรมแม่โจ้ 1” และพัฒนาวัสดุปรับปรุงดิน “ฮักเวียงแหง” รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เยาวชนผ่านกิจกรรม ENVI Camp และการเรียนรู้การสร้างแนวกันไฟกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งล้วนสะท้อนว่าการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน พร้อมเชิญชวนสังคมร่วมผลักดัน 3 แนวทาง ได้แก่ การหยุดเผาในพื้นที่เกษตร การผลักดันสินค้าปลอดการเผาผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ และการสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน เพื่อสร้างอากาศสะอาดและอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน
นายศุภกฤต จอมก่า นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์บูรณาการ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และกรรมการเครือข่าย SEED THAILAND ตัวแทนคนรุ่นใหม่ กล่าวเสริมว่า การร่วมลงนามในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือก้าวสำคัญของการสร้างอนาคตที่มีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นให้ประชาชนเชียงใหม่อย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่าคนรุ่นใหม่ต้องการเป็นผู้ลงมือแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ผู้รับผลกระทบเพียงอย่างเดียว โดยจะนำพลัง ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัย มาผสานกับความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่าย เพื่อพัฒนานวัตกรรม ลดมลพิษทางอากาศ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับมาปลอดภัยสำหรับทุกคน เพราะ “อากาศที่ดีคือสิทธิขั้นพื้นฐาน” และเป็นอนาคตที่คนรุ่นใหม่ตั้งใจร่วมสร้างให้เกิดผลจริงตั้งแต่วันนี้
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงศักยภาพ เครือซีพี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการลด PM2.5 เสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนให้ภูมิภาคเหนือและประเทศในระยะยาว


