รางวัลเกียรติคุณ “ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.จรัญ จันทลักขณา” ตอกย้ำบทบาท “BMF” ในการยกระดับพันธุกรรมกระบือไทยด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเครื่องมือคัดเลือกพันธุ์ และ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกษตรกรไทย

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมเดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (Buffalo Modern Farm: BMF) โดย มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้รับ รางวัล “นักวิจัยดีเด่นด้านกระบือไทย” ประจำปี 2568 ในสาขาผลงานด้านบริการวิชาการ ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลเกียรติคุณ “ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.จรัญ จันทลักขณา” จากการประชุมวิชาการสัตวศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 13 และการประชุมภาคีเครือข่ายสัตวศาสตร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 จัดโดยสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับเครือข่ายสถาบันการศึกษาด้านสัตวศาสตร์ทั่วประเทศ รางวัลอันทรงเกียรตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องหน่วยงานและบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นในการพัฒนากระบือไทย ทั้งในด้านการวิจัย บริการวิชาการ และการส่งเสริมองค์ความรู้สู่ชุมชน ซึ่งในปีนี้ คุณสุพชัย ปัญญาเอก ผู้จัดการโครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (BMF) พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้แก่ ดร.สวัสดิ์ ธรรมบุตร รองประธานโครงการฯ คุณสารกิจ ถวิลประวัติ รองประธานโครงการฯ คุณสุปรี เบ้าสิงห์สวย ที่ปรึกษาด้านปฏิบัติการเพื่อสังคม คุณวรยล ชมะฤกษ์ เลขานุการโครงการ คุณวรรณฤดี อิสระพานิชย์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงสัตวบาลอาวุโส ได้แก่ คุณอนุพงศ์ รักษากิจ คุณอณุสรณ์ ศรีแสน คุณอดุลเดช คำภีระ และคุณสมพิศ แข็งแรง ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้รับรางวัลในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนากระบือไทยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ อาจารย์ประจำหน่วยวิจัยเฉพาะทางพันธุศาสตร์สัตว์เขตร้อนชื้น (TAGU) ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้รับรางวัล “นักวิจัยดีเด่นด้านกระบือไทย” ในสาขาผลงานด้านการวิจัยอีกด้วย


“กระบือไทยไม่ใช่แค่สัตว์เศรษฐกิจ แต่คือทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และพัฒนา”

คุณสุพชัย ปัญญาเอก ผู้จัดการโครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (BMF) มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (BMF) จนได้รับรางวัลในครั้งนี้ โครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (Buffalo Modern Farm) ถือกำเนิดขึ้นจากดำริของคุณวัลลภ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาอนุรักษ์ควายไทยมากยิ่งขึ้น โดยโครงการนี้ได้พัฒนาต่อยอดมาจาก ‘มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ ถวายเป็นพระราชกุศล’ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแห่งความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเลี้ยงและอนุรักษ์กระบือไทยอย่างยั่งยืน รางวัลนี้จึงไม่ใช่เพียงความสำเร็จของทีมงานหรือองค์กรเท่านั้น หากแต่เป็นภาพสะท้อนของพลังความร่วมมือระหว่างนักวิชาการ เกษตรกร และภาคเอกชน ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับและพัฒนากระบือไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน”
โครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (BMF) ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการยกระดับการเลี้ยงกระบือไทยจาก “การผลิตแบบดั้งเดิม” ไปสู่ “ระบบธุรกิจฟาร์มคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล” (Data-driven Buffalo Farming) โดยมุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงกระบือได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ทั้งในด้านสุขภาพสัตว์ การป้องกันโรค การจัดการอาหาร ตลอดจนการคัดเลือกพันธุ์กระบือที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างแม่นยำ

หนึ่งในผลงานสำคัญที่โครงการฯ ให้ความสำคัญและผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง คือ “หนังสือความสามารถทางพันธุกรรมพ่อแม่พันธุ์กระบือไทย” หรือ Buffalo Sire and Dam Summary ซึ่งจัดทำขึ้นโดยความร่วมมือกับ หน่วยวิจัยเฉพาะทางพันธุศาสตร์สัตว์เขตร้อนชื้น (TAGU; Tropical Animal Genetic Special Research Unit) ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ และคณะ หนังสือฉบับนี้ใช้ เทคโนโลยีการประเมินคุณค่าทางพันธุกรรม (EBV: Estimated Breeding Value) ร่วมกับ ข้อมูลระดับจีโนม (Genomic Data) ในการวิเคราะห์ศักยภาพของพ่อแม่พันธุ์กระบือไทยอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัว สัดส่วนโครงสร้าง ความสามารถในการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งช่วยให้การคัดเลือกพันธุ์กระบือไม่ต้องอาศัยเพียงประสบการณ์หรือการประเมินด้วยสายตาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ในการประกอบการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน โครงการ BMF ได้จัดทำหนังสือความสามารถทางพันธุกรรมฯ แล้วจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 ในปี พ.ศ. 2566 และฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ. 2568 โดยมีการอัพเดตข้อมูลใหม่ทุกสองปี ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะต่อยอดไปสู่การพัฒนาฐานข้อมูลพันธุกรรมกระบือไทยในระดับประเทศ ช่วยลดอคติในการเลือกพ่อแม่พันธุ์ เร่งกระบวนการปรับปรุงพันธุ์ และสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือในระยะยาว
นอกจากการพัฒนาสายพันธุ์กระบือ โครงการฯ ยังมีการส่งเสริมให้เกษตรกรสร้างรายได้เสริมจากกิจกรรมในฟาร์ม เช่น การจำหน่ายมูลสัตว์ หญ้าเลี้ยงสัตว์ และการทำเกษตรผสมผสานตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อให้ฟาร์มกระบือสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนโดยรอบพื้นที่
เป้าหมายระยะยาวของโครงการ BMF คือการสร้าง เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือที่เข้มแข็ง และยกระดับ “ฟาร์มผลิตกระบือ (Buffalo Production Farm)” ให้กลายเป็น “ฟาร์มธุรกิจกระบือ” (Agri-business Buffalo Farm) ที่มีระบบข้อมูลรองรับการบริหารจัดการครบวงจร ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และ การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างขีดความสามารถ พัฒนาเยาวชนคนหนุ่มสาว ลูกหลาน เกษตรกร ให้เป็นผู้ประกอบการ สานต่อเจตนารมณ์ของพ่อแม่ และแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของโครงการฯ มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อน Soft Power ด้านเกษตรกรรมไทย ผ่านการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้เป็นรูปธรรม

“ผมเชื่อมั่นว่า หากเรามีองค์ความรู้ที่ถูกต้อง มีเครื่องมือที่แม่นยำ และมีระบบสนับสนุนที่ดี กระบือไทยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นสัตว์เศรษฐกิจหลักของประเทศได้อย่างแท้จริง พร้อมเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตไปพร้อมกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ” คุณสุพชัย กล่าว




#CPforSustainability #เครือซีพี #ฟาร์มกระบือทันสมัย #BMF #รางวัลนักวิจัยดีเด่น2568 #กระบือไทย #หนังสือพันธุกรรมกระบือ #SoftPowerภาคเกษตร #การเกษตรยั่งยืน #ซีพีร้อยเรียงความดี

