สังคมไทยมาถึงยุคของการบริหารคนต่างวัย

สวัสดีครับชาวซีพีที่น่ารัก ผ่านไปแล้วกับการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของชาติที่มีเรื่องให้ชวนคิดชวนคุยมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของบ้านเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงเรื่องของความแตกต่างของผู้คนในสังคมไทย โดยเฉพาะคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ที่กำลังต่อสู้กันทั้งด้านความคิด จิตใจ มุมมองของการมองโลกและสังคม

ตลอดช่วงเวลาของการเปิดรับสมัครผู้แทนจนมาถึงการหาเสียง ยิ่งเหฃ้นได้ชัดว่าสังคมไทยมีช่องว่าง มีความแตกต่างระหว่างคนแต่ละรุ่น และยิ่งช่วงการหาเสียง ที่มีการเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ปัญหาของบ้านเมือง ยิ่งเห็นได้ถึงความแตกต่าง

สิ่งที่น่าคิดคือคนรุ่นใหม่ต่างก็บอกว่าปัญหาของสังคม ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความผิดพลาดของคนรุ่นเก่า ทำให้คนรุ่นใหม่อยากมีทางเลือก ทางออกของตนเองในการแก้ปัญหา ไม่อยากใช้วิธีการเดิมๆที่ทำกันมา อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งวิธีการ การจัดการและคนรุ่นใหม่พยายามแสดงออกผ่านสื่อในรูปแบบใหม่

หลายๆเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทำเอาคนรุ่นเก่าเกิดความกังวลและตกใจในความคิด ท่าที จนเกรงว่าคนรุ่นใหม่จะนำพาประเทศไปสู่การเกิดปัญหาใหม่

ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็แสดงความคิดเห็นว่าคนรุ่นเก่ามีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ไม่มีประสบการณ์ ความคิดยังเลื่อนลอย อ่อนหัดและออกจะก้าวร้าว รุนแรง

ผมคิดว่านี่คือภาพของสังคมไทยที่ไม่เพียงจะออกมาเป็นเรื่องของการบ้านการเมือง ในสังคมวงกว้าง แต่ยังมีมาถึงภายในองค์กร อย่างซีพีของพวกเรา ที่องค์กรกำลังเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ในขณะที่คนรุ่นเก่าทำหน้าที่กำกับนโยบาย

แน่นอนครับองค์กรอาจจะมีความต่างจากสังคมภายนอกเพราะทุกคนเข้ามาเป็นลูกจ้าง ก็ต้องยอมรับกติกาในการทำงาน ผมคิดว่าช่องว่างของคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่มีแน่นอนครับ สำคัญที่ผู้นำองค์กรจะต้องเห็นประเด็นความแตกต่างนี้แล้วเตือนสติทั้ง 2ฝ่าย ไม่มีใครถูกใครดีกว่ากันไปทั้งหมด

ผมคิดว่าท่านประธานอาวุโสท่านลึกล้ำและท่านเห็นเรื่องนี้มาก่อนสังคมไทยจะเกิดช่องว่าง ท่านประธานอาวุโสพูดเตือนสติคนทั้ง2รุ่นให้ได้คิดถึงการอยู่ร่วมกัน ด้านคนรุ่นเก่าท่านก็เตือนให้คนรุ่นเก่าว่า อย่าไปดูถูกเด็กรุ่นใหม่ เพราะเด็กรุ่นใหม่แม้ไม่มีประสบการณ์ แต่คนรุ่นใหม่ก็มีความคิดความอ่าน มีความทันสมัยทำอะไรที่แตกต่างจากคนรุ่นเก่า ต้องรู้จักให้โอกาส ให้คนรุ่นใหม่มีเวทีแสดงออกถึงความสามารถ โดยไม่ไปชี้เป็นชี้ตาย ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ทำงาน คนรุ่นเก่าที่เป็นหัวหน้า เป็นผู้นำเพียงคอยดูคนรุ่นใหม่อย่าให้นอกลู่นอกทาง ให้อยู่ในกรอบที่วางไว้

ในทางกลับกัน ท่านประธานอาวุโสก็เตือนสติกับคนรุ่นใหม่ว่า คนรุ่นใหม่ก็ต้องรู้จักความนอบน้อม ให้ความเคารพคนรุ่นเก่า ให้ข้อมูลใหม่ๆกับคนรุ่นเก่า เพื่อให้คนรุ่นเก่าเข้าใจและสนับสนุน

ผมคิดว่าในบ้าน ในสำนักงาน ในมหาวิทยาบัย โรงเรียน ชุมชน สังคมเวลานี้ต้องมีผู้นำที่เข้าใจและสามารถเชื่อมคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่อย่างที่ท่านประธานอาวุโสแสดงบทบาทของกาวใจ กาวความคิด เพื่อลดช่องว่างของคนต่างวัย และให้คนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ต่างเคารพในหาจุดร่วมกัน

ก็หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาในซีพีกันครับ