เปิดใจ ‘คุณอดิเรก’ 54 ปีกับครอบครัวซีพี จากนักบัญชีสู่ผู้บริหารระดับสูง CPF

                 คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ รองประธานกรรมการ และกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและกรรมการสรรหาเครือซีพี ประธานคณะกรรมการ CPF ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานในเครือ CP-CPF กับคณะทำงาน 100 ปี ซีพี ว่า เริ่มทำงานกับซีพี ตั้งแต่ปี 2510 ที่ทรงวาด สมัยนั้นเครือฯ ตั้งโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกอยู่ที่ตรอกจันทน์ แต่ขาดนักบัญชี ผมเรียนจบด้านนี้ ตอนนั้นทำงานอยู่ที่แบงก์ชาติ พอทราบข่าวจึงลาออกมาสมัครงานที่ซีพี โดยมีท่านประธานอาวุโสธนินท์ เป็นผู้สัมภาษณ์
                คุณอดิเรก เล่าถึงคำสอนท่านประธานอาวุโสว่า “วันที่ท่านสัมภาษณ์ ท่านให้โอวาทที่ดีและผมยังจำคำพูดนั้นได้ ท่านบอกว่า “เด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามา ก็มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องของธุรกิจอีกมากมาย ขอให้ทำงานหนักได้มากกว่าปกติก็ไม่เหนื่อย เพราะอยู่ในช่วงวัยรุ่นยังเด็กอยู่ เหนื่อยวันพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็หายไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้คือความรู้ที่อยู่ในสมองในตัวเรา มันเหมือนคอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูล” ท่านใช้คำพูดนี้ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว เป็นภาพที่ท่านขอให้ช่วยเรียนรู้และทำงานให้เต็มที่ เป็นสิ่งที่ผมจดจำได้ในวันที่เข้ามา
              คุณอดิเรก บอกว่า ผมโชคดีที่ได้ทำเรื่องบัญชี และยังได้เรียนรู้เรื่องธุรการในโรงงาน และ HR บุคลากรด้วย สมัยนั้นพนักงานและคนงาน กว่า 100 คน อยู่ที่หอพักในโรงงาน บริษัทฯ มีอาหารให้ 3 มื้อ จึงมีโอกาสได้เรียนรู้ 2 อย่าง ทั้งงานหลายๆ ด้าน และความต้องการของคน
           “สิ่งสำคัญในตอนทำงานที่ตรอกจันทน์ ผมได้มีโอกาสเห็นการทำงานของท่านประธานอาวุโส   ธนินท์ ท่านเป็นคนที่ลงลึกในเนื้อหางานทุกเรื่อง ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสัตว์ เข้มงวดเรื่องการคัดสรรคุณภาพ กระบวนการผลิต ใช้พันธุ์ไก่ที่ดีของโลก ใช้เครื่องจักรที่ดีที่สุดของโลก เชิญผู้เชี่ยวชาญ อย่าง ดร.ชิงชัย โลหะวัฒนกุล มาทำสูตรอาหารสัตว์ พร้อมผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่าน กลายเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์คุณภาพที่ดีที่สุด จนเกิดความเชื่อมั่นทำให้ซีพีเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด”
               คุณอดิเรกยังถ่ายทอดมุมมองประสบการณ์การทำงานว่า ส่ิงสำคัญของการบริหารธุริกจก็คือ  การบริหารคน  ดังนั้น ถ้าเรารู้จักบริหารคน เข้าใจเรื่องงาน เข้าใจเรื่องธุรกิจ เห็นความเชื่อมโยงกัน การดำเนินงานจะราบรื่น
               คุณอดิเรก ประสบความสำเร็จจากนักบัญชี ก้าวเป็นผู้บริหารเป็นผู้จัดการคนแรกของโรงงานอาหารสัตว์แห่งที่ 2 ของซีพี ที่ กม.21 ทันสมัยที่สุดในเอเชียและเป็นผู้จัดการใหญ่ดูแลโรงงานอาหารสัตว์ที่ลำพูน บุกเบิกธุรกิจครบวงจรในภาคเหนือ ได้เปิดโลกทางความคิดในเชิงธุรกิจได้กว้างมาก แทนที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับการผลิตจากโรงงานอย่างเดียว ยังได้ไปเจอเอเยนต์ขายอาหารสัตว์ ผู้เลี้ยงสัตว์ ส่งเสริมให้เกิดคอนแทรคฟาร์มมิ่งที่ภาคเหนือ ทั้งหมู ไก่ เนื้อไก่ โรงแปรรูป และขายให้ตลาดสดด้วย ได้เรียนรู้ครอบคลุมหมดเหมือนไซส์ใหญ่ๆ ที่อยู่ในระดับประเทศ
                    คุณอดิเรก ยังมีบทบาทสำคัญเป็นผู้บริหารด้านเกษตรอุตสาหกรรมอาหารทั้งในจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา บุกเบิกลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์ เลี้ยงสัตว์ โรงชำแหละสัตว์ แปรรูปเนื้อสัตว์ทำเป็นอาหาร เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นอินทิเกรตต่อเนื่องในภูมิภาคของโลก ขยายไปทางยุโรปไปทางรัสเซีย ยุโรป ประเทศอเมริกา สร้างกิจการของ CP-CPF ไปสู่ระดับโลก ผ่านการบริหารกิจการในช่วงวิกฤตของไทยและของโลก การบริหารความเสี่ยงของการขึ้นลงของผลิตภัณฑ์ การจัดการพอร์ตของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งพอร์ตของธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตและเติบโตต่อเนื่อง มีธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำที่เข้มแข็งและก้าวสู่ธุรกิจปลายน้ำในเรื่องอาหารที่เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะทำให้สำเร็จ
               คุณอดิเรก ได้ฝากข้อคิดให้ชาว CP-CPF ว่า ค่านิยม 3 ประโยชน์ เป็นปรัชญาที่ถูกต้องแล้ว ถ้ามองประเทศชาติ รัฐบาลก็ได้ภาษี ได้มีบริษัทใหญ่มาจ้างงานให้คนทำ สร้างคุณค่า เชนที่สร้างธุรกิจต่อเนื่อง การเพาะปลูก การแปรรูป การส่งออก สังคมโดยรวมน่าจะได้รับผลดี เพราะเราทำสินค้าคุณภาพดี ราคาไม่แพง สมัยก่อนจะกินไก่เป็นของแพง อาหารสำเร็จจะไปหาทานที่ไหน บริษัทฯ เราก็พยายามทำอะไรที่ตอบสนองสังคมต้องได้ประโยชน์ จ้างงานแทนรัฐบาล ประชาชนทั่วไปก็ได้สินค้าคุณภาพ บริษัทฯ ก็เติบโตขยายกิจการไปต่างประเทศมากขึ้น ผมคิดว่าปรัชญา 3 ประโยชน์เป็นเรื่องที่ดีมาก
             “ที่ผ่านมาผมเห็นการเติบโตทุกปี คือสิ่งที่มหัศจรรย์ และผมมองไปอีก 20 ปี บริษัทฯ ก็ยังเติบโตตลอดเวลา มีเรื่องท้าทายใหม่ๆ ให้ทำเช่นกัน ฉะนั้นพนักงานหรือผู้บริหาร เรามีโอกาสร่วมกับบริษัทฯ ก็จะเห็นโอกาสในการที่จะอยู่ในบริษัทที่มั่นคงเติบโตและสนุกกับการทำงาน ฉะนั้นผมเน้นว่าความสำเร็จจริงๆ ต้องเกิดจากบุคลากร คนเป็นพื้นฐานหลักที่อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกัน อยู่ในทีมงานเดียวกัน มีความเชื่อเหมือนกัน เหมือนหลัก 6 ประการที่เครือฯ ให้มา ผมว่าเป็นปรัชญาหลักที่เราต้องเชื่อ ถ้าเราเชื่อในเรื่องพวกนี้และมุ่งมั่นในเรื่องพวกนี้อย่างเต็มที่ ผมว่ามันจะเป็นความเจริญเติบโตของบริษัทฯ ของพนักงาน ผู้บริหารก็ต้องเติบโตตามบริษัทฯ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมของสังคมและประเทศ”
          “ผมคิดว่าเครือฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จนถึงวันนี้ผมยังรู้สึกมีเรื่องท้าทายที่จะให้ทำและสนุกอีกหลายเรื่อง ขอให้พวกเราเชื่อมั่น มุ่งมั่นและเชื่อมั่นในหลักปรัชญา เห็นในการที่จะสร้างโอกาสการเติบโต แล้วท่านประธานอาวุโสเป็นผู้ให้โอกาสกับผู้บริหารตลอดเวลา และให้ไปแสดงในโอกาสนั้นๆ คนที่มีโอกาสแสดง ก็ต้องถือว่าโชคดีที่มีโอกาส”
           สำหรับ ‘เถ้าแก่น้อย’ ก็เป็นผู้ที่ได้รับโอกาส ท่านประธานอาวุโสอยากสร้างเถ้าแก่น้อยให้เร็วขึ้นและมากขึ้น เพราะพลังของเถ้าแก่น้อยจะเป็นพลังที่มาขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต ยิ่งในยุค 4.0 คนรุ่นเก่าตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันแน่นอน ฉะนั้นท่านก็ให้เวที ให้โอกาส ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ทุกคนได้รับ คนที่ได้รับก็ขอให้ประสบความสำเร็จ
Cr.PR CPF