สถาบันพระปกเกล้า ชูสบขุ่นโมเดล เเนวทางการถอดบทเรียนงานวิจัยเเก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินเเละการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ จ.น่าน

วันที่ 10 มิถุนายน ที่สถาบันพระปกเกล้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเครือ CP ได้ต้อนรับคณะนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศึกษาดูงานสบขุ่นโมเดล เพื่อถอดบทเรียนการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้านพื้นที่ทำกินและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในโครงการสบขุ่นโมเดล จ.น่าน ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) นำโครงการ เข้ามาสนับสนุนในการสร้างป่าสร้างรายได้ จากจุดเริ่มต้นการเเก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินในการปรับเปลี่ยนอาชีพ สู่การขยายโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise ) บริหารโดยชุมชน เเละเครือ CP เป็นพี่เลี้ยง โดยนำความรู้การทำเกษตรมูลค่าสูงให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดมาปลูกกาแฟ

ทั้งนี้เพื่อให้คณะกรรมการ นักศึกษา และคณาจารย์ ได้ชิมรสชาติของกาแฟสบขุ่นที่ได้เกิดผลลัพท์จากการร่วมเเก้ไขปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่จากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทางสถาบันพระปกเกล้า จึงได้เชิญทีมงานสบขุ่นโมเดล ออกบูธ นำผลิตภัณฑ์สบขุ่นที่สร้างสรรจากเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพมาบริการ เเละพร้อมผลิตภัณฑ์จากชุมชนมาให้เลือกซื้อ ภายในงานกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ นำเสนอผลงานกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่นที่ 12 ณ สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

คุณอรรถวิทย์ ยุทธยศ ผู้จัดการทั่วไป ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล เเละสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีของโครงการสบขุ่น ที่มีสถาบันการศึกษาให้ความสนใจ เเละขยายผลในการถอดบทเรียนการเเก้ปัญหาบนพื้นที่ทำกินของเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้าใจในทุกภาคส่วน ที่จะสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้พร้อมกับฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันสบขุ่นโมเดล สามารถฟื้นฟูป่ากลับคืนมากว่า 2,100 ไร่ และเกิดรายได้กว่า 707,863 บาท เข้าสู่ชุมชน

คุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หนึ่งในนักศึกษาจากสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยว่า การถอดบทเรียนทำงานวิจัยโครงการเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างในการต่อยอดให้กับสถาบันได้ขยายผลโครงการให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่กำลังหาเเนวทางการเเก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินเเละทรัพยากรธรรมชาติสู่ความยั่งยืน