สวัสดีประจำสัปดาห์นะครับพี่น้องซีพี หวังว่าทุกคนคงมีความสุข สุขภาพแข็งแรง หลายคนเริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศสลับกับการทำงานที่บ้านกัน ท่ามกลางข่าวดีที่บ้านเราไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากว่า 20 วันแล้ว รถราเริ่มกลับมาติดเหมือนเดิม กิจการต่างๆกลับมาเปิดดำเนินการ กิจกรรมของพวกเราเริ่มกลับมา แม้ว่ายังจำเป็นต้องรักษาระยะห่างทางสังคม แต่ถือได้ว่าพวกเราก็ปรับตัวกันโดยมีเครื่องมือไอที เข้ามาช่วยลดข้อจำกัดต่างๆ
และสัปดาห์ที่ผ่านมาผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่พวกเราชาวซีพีหันมาให้ความสนใจในเรื่องของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ตั้งแต่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ CEO ของพวกเราเป็นผู้ชูคบเพลิงประกาศนำพาชาวซีพีกว่า 3 แสนคนลุกขึ้นมาช่วยปกป้องภาวะโลกร้อน ตามมาด้วยเวที CP Roundtableที่ 3 ผู้บริหารสายกรีน คุณศัลย์ มูลศาสตร์ ดร.สดุดี สุพรรณไพ คุณสุธี สมุทระประภูต ที่มาถกแถลงกันถึงความเป็นไปได้ที่ชาวซีพีกว่า 3 แสนคน ทั่วโลกจะช่วยกันแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน โดยเริ่มจากแต่ละคนช่วยกันปรับเปลี่ยนMind Set การดำเนินชีวิต การคิดค้นเรื่องงาน ที่จะไม่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อน แล้วขยายสู่วงครอบครัว สู่คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน สังคมที่เราอยู่กัน ซึ่งที่ผ่านมาชาวซีพีได้ทำกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการใช้ถุงพลาสติก หันมาใช้ถุงผ้า การร่วมกันที่จะลดของเสีย ความสูญเสียจากอาหาร จากกระบวนการผลิต คิดถึงเรื่องของ3 R ลดการใช้ไฟ น้ำที่ฟุ่มเฟือย รณรงค์การใช้พลังงานทดแทน
โดยเฉพาะที่ผมดีใจมากคือเรื่องของการปลูกต้นไม้ ผมมีโอกาสพูดคุยกับหลายหน่วยงานของเครือฯทั้งซีพีเอฟ กลุ่มการค้าฯ กลุ่มพืชครบวงจร กลุ่มซีพีแลนด์รวมทั้งได้รับข่าวจากหน่วยงานอื่นๆในเครือฯส่งมาเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ผมคิดว่าการปลูกต้นไม้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคน เพราะต้นไม้ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้ ไม่เพียงต้นไม้จะช่วยทุกคนรักษาสมดุลธรรมชาติ ยังให้ประโยชน์กับทุกคน ซึ่งก็เป็นที่รับรู้กันมานาน
แต่น่าเสียดายที่ต้นไม้กลับลดน้อยลงไป ไม่ต้องดูอื่นไกลสำหรับเพื่อนๆที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ตึกรามบ้านช่อง อาคารสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นมาแทนต้นไม้ แม้แต่ในวัด ในโรงเรียน ในสวนสาธารณ เราเลือกที่จะเอาที่ลานกว้างๆมาเทปูนทำที่จอดรถ เราตัดต้นไม้ออกเมื่อคิดจะสร้างถาวรวัตถุ ที่ๆต้นไม้เคยขึ้นอยู่คอยรับซับน้ำก็ถูกถมแทนด้วยแหล่งบันเทิงเริงรมย์ จนสุดท้ายเมืองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง เมืองที่ร้อนแห้งแล้ง แข็งกระด้าง พื้นที่สีเขียวที่ดูร่วมรื่นชื่นใจหายไป เช่นเดียวกับในต่างจังหวัด พื้นที่ที่เป็นป่าเขาลำเนาไพร หายไป ความเป็นเมืองที่ขยายออกไป ทำให้ต้นไม้ลดลง ตามมาด้วยปัญหาดินถล่ม น้ำท่วม ฯลฯ
ถ้าพวกเราชาวซีพีจะช่วยลดภาวะโลกร้อนจริงจัง ผมอยากให้พวกเราคิดถึงเรื่องของ ”ต้นไม้” เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน เช่น ”วันเกิด” ฉลองวันที่เราลืมตาดูโลกด้วยการปลูกต้นไม้ครับ จะเป็นไม้เล็ก ไม้ใหญ่ ไม้อะไรก็ได้ หรือไปทำบุญ ไปงานบุญ งานบวช งานมงคล ไม่มงคล มอบต้นไม้เป็นของฝาก ของที่ระลึกแก่กันและกัน ทำกิจกรรม CSR กิจกรรมสังคม ชุมชนก็อยากให้คิดถึงการปลูกต้นไม้ ช่วงเวลานี้หน้าฝนเป็นเวลาที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้เลยครับ
เวลาเราเห็นข่าวทางโซเชียล ดาบวิชัย หรือใครต่อใครปลูกต้นไม้ เราทุกคนชื่นใจ กดไลค์ กดแชร์ กัน เราเปลี่ยนมาช่วยคนเหล่านี้ปลูกต้นไม้คงดี เพราะเราจะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เมื่อเราทุกคนปลูกต้นไม้ในใจของตัวเองสำเร็จแล้ว ผมเชื่อว่าต้นไม้จะงอกงามอีกมากมายในแผ่นดิน ในโลก
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเดี๋ยวนี้มีองค์ความรู้มากมายในการปลูกต้นไม้ เพียงเราวางแผน ปลูกต้นไม้ อย่างมีเป้าหมาย มียุทธศาสตร์ก็น่าจะดี จะปลูกเพื่อลดมลภาวะ ปลูกเพื่อชะลอการพังทลายหน้าดิน จะปลูกเพื่อสวยงาม ปลูกเพื่อการเรียนรู้ ก็จะทำให้รู้ว่าควรจะปลูกต้นไม้อะไรดี ยิ่งเวลานี้มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นไม้มีค่า ยิ่งดีใหญ่ ปลูกแล้วนำมาขอคืนคาร์บอนเครดิต ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
หวังว่าจากวันนี้ไปพวกเราชาวซีพีจะมีสถิติการปลูกต้นไม้กันมากขึ้น รู้ว่ามีต้นอะไร ช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ไปเท่าไหร่ แล้วปลายปีมาดูกันว่าชาวซีพีปลูกต้นไม้ตอบแทนโลกได้มากน้อยแค่ไหนกันครับ
