โดย นิติธร สุรบัณฑิตย์ ผู้จัดการทั่วไป สำนักยุทธศาสตร์ข้อมูล และการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์
I will run to lift the levels
“ฉันจะวิ่งเพื่อยกระดับมัน (สุขภาพกาย–ใจ)
I will dance at the same time as breakfast
ฉันจะเต้นในเวลาอาหารเช้า
I will schedule my friends in
ฉันจะนัดเจอเพื่อนๆ
And I’ll eat more Tryptophan, oh
ฉันจะกินอาหารที่มีทริปโตฟาน (Tryptophan) เพิ่มขึ้น
I will work on moving through it
ฉันจะพยายามก้าวผ่านมัน
And how I communicate it
และฝึกวิธีสื่อสารออกมา”
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia
กิจกรรมจากวลีข้างต้นดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้คนในสังคมสามารถปฏิบัติได้อย่างง่ายดายในแต่ละวัน ทว่าสำหรับผู้คนที่เผชิญกับภาวะ “ซึมเศร้า และวิตกกังวล” กลับกลายเป็นเรื่องท้าทาย ไม่ต้องนึกถึงการวิ่งออกำลังกาย การเต้นระบำในเวลาอาหารเช้า หรือการพบปะเพื่อนๆ ในเมื่อการลุกจากที่นอนของพวกเขาก็เป็นเรื่องยากลำบากเสียแล้ว เรียกได้ว่า “ชีวิตมันเศร้าเกินกว่าจะลุกขึ้นทำอะไรได้”
วลีข้างต้นเป็นเนื้อร้องส่วนหนึ่งของเพลง “Serotonin” หรือ “เซโรโทนิน” ได้รับการประพันธ์ และขับร้องโดย “แองจี้ แมคมาฮอน” (Angie McMahon) ศิลปินอินดี้มากความสามารถ และหาตัวจับยากชาวออสเตรเลีย ที่บอกเล่าประสบการณ์ของตนเองจากภาวะ “ซึมเศร้า และวิตกกังวล” และความพยายาม “กลับมารักตัวเอง” ให้ได้มากที่สุด
อัลบั้ม “Light, Dark, Light Again” ที่มีเพลง Serotonin เป็นซิงเกิ้ลยอดฮิต ยืนยันสิ่งนั้น มันได้นำพาให้ผู้ฟัง ก้าวเข้าสู่ประสบการณ์การต่อสู้ของ “แองจี้” จากประสบการณ์อันหนักทึ่งนี้ เธอถ่ายทอดการเดินทางเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ และการยอมรับซึ่งการมีอยู่ของภาวะเหล่านั้นอย่างอิสระ แม้ว่าครั้งหนึ่ง แองจี้เคยระบุว่า “ฉันจำเป็นอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดเพื่อช่วยให้ฉันเรียกตัวตนของฉันกลับมา” (บทสัมภาษณ์โดยแซฟฟรอน สไวร์ ในเว็ปไซต์ LSJ ออนไลน์)
เมื่อพิจารณาเพลงในอัลบั้ม ว่าที่จริงเพลง Serotonin น่าจะเป็นหนึ่งในซิงเกิ้ล ที่ “ตรงตัว” มากที่สุดแล้ว เนื่องจาก “Serotonin” หรือ “เซโรโทนิน” นั้น คือ สารเคมีในสมองที่มีบทบาทควบคุมอารมณ์ ความสุข และการนอนหลับ เมื่อ “เซโรโทนิน” ตกต่ำลงผิดปกติ เราอาจเกิดภาวะซึมเศร้าได้ ดังเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ว่า “ฉันตกต่ำทางสารเซโรโทนิน (ทุกอย่างมืดลงในเงา) ใช่ ฉันตกต่ำทางสารเซโรโทนิน (ทุกอย่างถูกกลืนกิน)” เช่นเดียวกับเนื้อเพลงท่อนที่ว่า “ฉันจะกินอาหารที่มีทริปโตฟาน (Tryptophan) เพิ่มขึ้น” เนื่องจาก “Tryptophan” หรือทริปโตฟาน คือ กรดอะมิโนจำเป็นชนิดหนึ่ง เป็นสารตั้งต้นผลิตเซโรโทนิน เนื้อเพลงสองในหลายส่วนนี้ บ่งบอกได้ดีกับสภาวะที่ “แองจี้” เผชิญ และพยายามดิ้นร้น เพื่อหลุดพ้น “ความเศร้าซึม” ที่เธอเผชิญอยู่
ในอัลบั้ม Light, Dark, Light Again นอกจาก “เซโรโทนิน” แองจี้ใช้บทเพลงเป็นเครื่องมือปลุกพลังใจและบำบัดตนเอง โดยมีเนื้อเพลงที่เปี่ยมด้วยความหวังและความเมตตาต่อตนเอง เช่น เพลง “Letting Go หรือปล่อยมันไป” กับเนื้อร้องบางท่อนที่ว่า “It’s okay, it’s okay. Make mistakes“-“ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร ทำผิดพลาดได้” หรือ เพลง “I Am Already Enough หรือ ฉันพอแล้ว” กับเนื้อร้องบางท่อนที่ว่า “I am a living, breathing Earthling. I am already enough. หรือ ฉันคือมนุษย์คนหนึ่งที่มีชีวิต หายใจอยู่ และฉันก็มีคุณค่ามากพออยู่แล้ว”
การต่อสู้กับประสบการณ์อันเลวร้าย ทว่ายังสามารถ “ยอมรับ” และ “อยู่ร่วม” กับมัน จนถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง ที่มีท่วงทำนอง และความหมายอันลึกซึ้ง ย่อมทำให้ไม่เพียงอัลบั้ม และเพลงของเธอได้รับความนิยม ทว่ายังเป็นแสงสว่างให้กับผู้คนในสังคมโลก ที่กำลังเผชิญกับภาวะวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
สำหรับประเทศไทยเอง มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าราว 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 2-3 ของประชากรโดยรวม นี่ยังไม่รับรวมโรค หรือภาวะทางจิตเวชอื่น อาทิ ภาวะวิตกกังวล ภาวะแพนิค ภาวะหมดไฟ เป็นต้น สถานการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของปัจเจกบุคคล หากยังส่งผลต่อคนรอบข้าง และสังคมในภาพรวมอย่างเห็นได้ชัด ดังตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ที่มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหายกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีจากสถานการณ์เช่นว่านี้
ไม่ว่าภาวะโรคซึมเศร้า หรือโรคทางจิตเวชอื่นจะเกิดจากสารเคมีที่ทำงานผิดปกติในสมอง พันธุกรรม หรือสภาพแวดล้อมทางสังคมที่บีบคั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การยอมรับว่า “สุขภาพจิต” คือเรื่องสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย และควรได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม
ในบริบทของสังคมไทย การตระหนักรู้เรื่องสุขภาพจิตเริ่มขยับเข้าใกล้กระแสหลักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อบันเทิง ศิลปิน สื่อออนไลน์ หรือแม้กระทั่งองค์กรต่าง ๆ ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยทางใจ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความอับอาย การตีตรา (stigma) และการขาดแคลนบุคลากรทางสุขภาพจิตก็ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง
งานศิลปะโดยเฉพาะ “บทเพลง” เช่นผลงานของ “แองจี้ แมคมาฮอน” กลับกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “เปิดบทสนทนา” เกี่ยวกับสุขภาพจิตในมิติที่เข้าถึงหัวใจคนฟังอย่างลึกซึ้ง เธอไม่ได้มอบเพียงบทเพลงไพเราะ หากแต่มอบ “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับผู้ฟังเพื่อ รู้สึก เห็น และยอมรับว่าความทุกข์ใจไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือส่วนหนึ่งของการมีชีวิต ดังที่ “แองจี้” เคยให้สัมภาษณ์ไว้ผ่าน Beat.com โดย แอนดรูว์ แฮนด์ลีย์ ระบุว่า “มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฉันคาดหวังไว้ แต่นั่นก็มีความงดงามในตัวของมันเอง เพราะหลายเพลงพูดถึงการล้มเหลวและการฟื้นฟูตัวเอง ให้ยังรู้สึกว่าเรายังโอเค”
กล่าวโดยสรุปเสียงของเธอในอัลบั้ม Light, Dark, Light Again ไม่เพียงบอกเล่าการฟื้นฟูตนเองผ่านช่วงเวลาแห่งความมืดมน แต่ยังเป็นการยืนยันว่า “ความหวัง” และ “ความงาม” ยังสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด และบางครั้ง การเยียวยาอาจไม่จำเป็นต้องรวดเร็วหรือสมบูรณ์ แต่อยู่ที่การเคลื่อนไปข้างหน้าแม้เพียงช้า ๆ และการไม่ทอดทิ้งตัวเองระหว่างทาง ในนามของ “ความพยายาม”
ในท้ายที่สุด สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญคือ การสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อให้ผู้คนกล้าร้องขอความช่วยเหลือ และเปิดใจพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน เหมือนที่ “แองจี้” ได้กล้าทำผ่านบทเพลงของเธอ ดังย่อหน้าสุดท้ายของเพลง “เซโรโทนิน” ที่ว่า
It’s just something I am trying
มันเป็นแค่สิ่งที่ฉันพยายามทำ
Have to change it up a while
ต้องปรับเปลี่ยนสักพัก
Might be futile, I don’t mind them
อาจไร้ผล แต่ฉันไม่ใส่ใจ
I think it is in the trying
ฉันคิดว่ามันคือการ “พยายาม”
เมื่อนั้น “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ” จึงไม่ใช่เพียงการก้าวผ่านปัญหาของปัจเจกบุคคล หากยังพยุงสังคมให้ก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง เพราะเมื่อมี “Light, Dark” ย่อมมี “Light Again”
สามารถรับฟังบทเพลง Serotonin ได้ที่ Angie McMahon – Serotonin (Official Audio)
อ้างอิง
Angie McMahon: ‘I discovered a lot about myself, my brain neurotype and sexuality’
‘I needed to hit rock bottom to help me reclaim who I am’ – Law Society Journal
‘I needed to hit rock bottom to help me reclaim who I am’ – Law Society Journal