เครือซีพี สนับสนุน 20 คนรุ่นใหม่ เป็นตัวแทนองค์กร ก้าวสู่เวที One Young World 2023 ต่อเนื่องปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกที่เปลี่ยนไป (GEN-US Future-Proof The World)” พร้อมเปิดพื้นที่ให้ศึกษาดูงานธุรกิจในเครือซีพี สร้างแรงบันดาลใจ เตรียมความพร้อมก่อนแลกเปลี่ยนมุมมองแก้ปัญหาวิกฤติบนเวทีโลก

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือฯ เชื่อมั่นพลังคนรุ่นใหม่ สนับสนุนตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีรวม 20 คนเข้าร่วมเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก  One Young World 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8  ซึ่งในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 ตุลาคม 2566 ณ เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ  เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองภายใต้แนวคิด GEN-US Future-Proof The World สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกที่เปลี่ยนไป ร่วมกับเยาวชนกว่า 190 ประเทศ โดยเป็นการรวมตัวกันเพื่อแสวงหาความร่วมมือและร่วมแก้ปัญหาวาระเร่งด่วนของโลกใน 5 ประเด็นสำคัญคือ 1.สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency) 2.วิกฤตการณ์ทางอาหาร (Food Crisis) 3.การศึกษา (Education) 4.สันติภาพและความปรองดอง (Peace and Reconciliation) และ 5.สุขภาพจิต (Mental Health)  ทั้งนี้เครือซีพีและบริษัทในเครือฯ เชื่อมั่นว่าพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้าคิด กล้าลงมือทำจะสามารถเปลี่ยนแปลงทางบวกให้กับโลกได้อย่างยั่งยืนทุกมิติ

โอกาสนี้เครือซีพีได้มีการเตรียมความพร้อมเสริมองค์ความรู้ให้กับตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนโลก “One Young World 2023” ด้วยการศึกษาดูงานศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารซีพีเอฟ (CPF Food Research and Development Center) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นเข้าเยี่ยมชมสถานีวิจัยแสลงพัน  หน่วยงานวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด และพืชอื่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด อ.วังม่วง จ.สระบุรี โดย ดร.ศฎาวุฒิ กุลมณี รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ ธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจต้นน้ำ ตั้งแต่งานวิจัยพันธุ์พืชที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดสายพันธุ์พืชที่ดี สามารถปรับตัวได้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน (Climate Change) ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร คู่ค้า และธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำของเครือเจริญโภคภัณฑ์ต่อไป

รวมไปถึงการจัดเวิร์คช็อป ระหว่างวันที่ 28 – 31 สิงหาคม 2566 ณ สถาบันพัฒนาผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีผู้เชี่ยวชาญใน 5 ประเด็นที่เป็นวาระหลักของการประชุมในครั้งนี้ มาถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ เพื่อให้ตัวแทน 20 คนรุ่นใหม่ได้นำความรู้ไปแลกเปลี่ยนมุมมอง กับเยาวชนจากทั่วโลก สำหรับกิจกรรมเตรียมความพร้อม ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ คุณสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) คุณวีระนนท์ ฟูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความยั่งยืน และสื่อวารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เป็นต้น มาร่วมถ่ายทอดแนวคิดและข้อแนะนำเกี่ยวกับ 5 ประเด็นสำคัญระดับโลกประกอบด้วย  1.สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency) 2.วิกฤตการณ์ทางอาหาร (Food Crisis) 3.การศึกษา (Education) 4.สันติภาพและความปรองดอง (Peace and Reconciliation) และ 5.สุขภาพจิต (Mental Health)

คุณสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟูด โซลูชัน จํากัด (มหาชน) หนึ่งในวิทยากรที่มาให้ความรู้ประเด็นวิกฤตอาหาร (Food Crisis) เปิดเผยว่า ปัญหาวิกฤตอาหารของโลก หรือ Food Crisis มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น  เรื่องของสงคราม และปัญหาเศรษฐกิจ ที่ทำให้วัตถุดิบ อาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์มีปริมาณลดลง ส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น อีกสาเหตุสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น จากโลกร้อนเป็นโลกเดือด ทำให้การเลี้ยงสัตว์ และผลผลิตทางการเกษตรลดลง ส่งผลให้ปริมาณอาหารที่มีในโลกลดลงตามในขณะที่ความต้องการปริมาณอาหารนั้นเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาวิกฤตอาหารของโลกจึงเป็นหัวข้อหลักที่สำคัญมาก ๆ ที่เครือซีพีและซีพีเอฟตระหนักและมีส่วนร่วมในการทำให้ประชากรโลกมีอาหารในปริมาณมากขึ้นตามวิสัยทัศน์ครัวของโลกของซีพีเอฟ ดังนั้นซีพีเอฟจึงได้มีการลงทุนในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรทั้งในไทยและหลายประเทศทั่วโลก ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปอาหาร ตลอดจนการส่งสินค้าแปรรูปจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลายทั่วโลกเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพสูง นอกจากทำให้ปริมาณอาหารเพิ่มขึ้น ความมั่นคงทางด้านอาหาร (Food Security) ดีขึ้น ต้องทำให้ความต้องการและปริมาณที่มีสมดุลกัน รวมถึงราคาอาหารไม่สูงเกินไป ประชากรโลกก็จะเข้าถึงอาหารในราคาที่จับต้องได้  เครือซีพีและซีพีเอฟจึงตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชากรโลกมีอาหารที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและพอเพียงต่อการบริโภคโดยคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ตัวแทนคนรุ่นใหม่ของเครือซีพีได้เข้าร่วมเวทีระดับโลกในครั้งนี้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงานในเครือฯ ร่วมแลกเปลี่ยนกับเยาวชนนานาประเทศในการหาทางออกแก้ปัญหาวิกฤตโลกร่วมกัน

ด้าน ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ได้ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นสุขภาพ พร้อมกล่าวให้กำลังใจเหล่าผู้นำรุ่นใหม่ทั้ง 24 คน ในการร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงช่วยกันผลักดันเรื่องสาธารณสุขและการศึกษาให้เข้าถึงทุกคนอย่างเท่าเทียมในราคาที่จับต้องได้  เพื่อที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนทุกเพศ ทุกวัย ลดปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสาธารณสุขของสังคมไทย

ขณะที่ คุณกรวิชญ์ อินทวงษ์ หนึ่งในตัวแทนคนรุ่นใหม่จาก Lotus’s ที่สนใจในประเด็นหัวข้อวิกฤตอาหารของโลก (Food Crisis)  เปิดเผยว่า  ในฐานะของคนไทยอาจจะมองว่าเรื่องอาหารเป็นเรื่องที่ไกลตัวและยังไม่เห็นถึงปัญหา  เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถผลิตอาหารสำคัญของโลก  แต่หากมองออกไปในต่างประเทศจะพบว่าในโซนแอฟริกาและในอีกหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตขาดแคลนอาหาร  ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบ และหากมองกลับมาให้ใกล้ตัวมากขึ้น จะพบว่าอาหารทุกวันนี้มีราคาที่แพงขึ้น  นั่นเป็นเพราะว่าการผลิตลดน้อยลง  ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพืชหรือในส่วนของเนื้อสัตว์  ซึ่งหมายความว่าพวกเรากำลังเผชิญอยู่แต่แค่ไม่ได้สนใจ  และในโอกาสที่จะได้ไปพบปะกับผู้นำรุ่นใหม่จากทั่วโลกในหัวข้อเดียวกันนี้  มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและได้ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาจากประเทศนั้นๆ  เพื่อนำกลับมาปรับใช้กับองค์กรรวมไปถึงในประเทศของเราได้

คุณนันทวัฒน์ นิกรพงษ์สิน หนึ่งในตัวแทนคนรุ่นใหม่จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่สนใจในหัวข้อสุขภาพจิต (Mental Health) มองว่าเรื่องสุขภาพจิตนับเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่เพียงแค่กับองค์กรแต่ยังสำคัญในระดับประเทศด้วย  ซึ่งตนเองเคยมีประสบการณ์ตรงเมื่อครั้งสมัยเรียนจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างหนัก  ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตนเองต้องหาวิธีการรับมือเพื่อให้กลับมาเป็นปกติมากที่สุด และในยุคนั้นสังคมยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าที่ควร ปีนี้เมื่อเวที One Young World มีหัวข้อนี้ขึ้นมาตนเองจึงตัดสินใจลงสมัคร  เพื่อที่จะได้มีโอกาสไปเก็บเกี่ยวและแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมไปถึงได้เห็นมุมมองจากผู้นำในหลากหลายประเทศว่าเขามองเรื่องของสุขภาพจิตกันอย่างไร  มีวิธีการรับมือกับปัญหาและแก้ไขอย่างไร เพื่อที่เราจะสามารถนำมาปรับใช้ไม่เพียงแค่กับตนเองแต่ยังรวมไปถึงในองค์กรก็สามารถนำมาปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน