เอกชนมองประเด็นไต้หวันสร้างแรงกดดัน ศก.โลกเพิ่มขึ้น แต่เชื่อเป็นโอกาสส่งออกของไทย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ไต้หวันว่า ผู้เกี่ยวข้องอยู่ในวงจำกัด แต่จะเป็นปัจจัยให้ทั่วโลกต้องเผชิญแรงกดดันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยในเรื่องห่วงโซ่อุปทาน

“เชื่อว่าจีนจะมีการนำมาตรการกีดกันทางการค้าตามยุทธการหมากล้อมมาใช้แทนการสู้รบ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปทดแทน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ขณะที่ไทยต้องรักษาสมดุลเรื่องขั้วอำนาจ”

นายผยง กล่าว

ส่วนผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนนั้น นายผยง กล่าวว่า น่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้น เพราะทุกฝ่ายต่างรู้ดีว่าการสู้รบไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยมีโอกาสส่งสินค้าไปจีนทดแทนไต้หวัน และดึงดูดการลงทุนจากจีนได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่จีนเข้ามาลงทุนเป็นอันดับที่ 6 ซึ่งหอการค้าไทยกำลังทำวิจัยเรื่องการลงทุนอยู่ จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.65 ซึ่งจะได้เสนอให้กับรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นโอกาสที่ดีมากกว่าสำหรับการส่งออก รวมถึงการย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในโครงการอีอีซีที่จะช่วยเสริมห่วงโซ่การผลิตในประเทศให้ดีขึ้น

ส่วนผลกระทบเรื่องขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์นั้นคงจะยืดเยื้อต่อไป เพราะบริษัทในไต้หวันเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ 60% ของโลก ซึ่งเป็นปัญหาเดิมที่ได้รับผลกระทบมาจากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนแล้ว

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์