เมื่อชาวซีพี รวมพลังขับเคลื่อน We Grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน ร่วมปฏิบัติการลดวิกฤติโลกร้อน ขานรับองค์กรปลอดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯเป็นศูนย์ (Carbon Neutral)

จากนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 เพราะเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืนของสังคม กับสิ่งแวดล้อมต้องทำควบคู่กันไป โดยเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เครือฯ ได้เปิดตัวโครงการ “We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน” เพื่อรณรงค์และสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานปลูกไม้ยืนต้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ของ เครือฯ ทั่วประเทศ

วันนี้หน่วยธุรกิจต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศขานรับ สำรวจพื้นที่พร้อมวางแผน กำหนดเป็นเป้าหมายร่วมกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่สำนัก พร้อมทั้งวางแผนสร้างการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนและคนในพื้นที่ โดยเน้นปลูกไม้ยืนต้นที่จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออไซด์ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น และช่วยลดภาวะโลกร้อน

ล่าสุด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) เปิดตัว “โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP (Green Home CPP)” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน” โดยร่วมกันปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ของสถานีวิจัยแสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี โดยมี คุณสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร เป็นประธานในพิธี พร้อมผู้บริหารจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้บริหารจากกลุ่มการค้าระหว่างประเทศ ผู้บริหารเขตประเทศ และพนักงานจิตอาสาจากกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) กว่า 250 คน ร่วมทำกิจกรรม

พนักงานซีพีร่วมแสดงพลัง
ขานรับระดมปลูกยืนต้นในสำนักงาน

คุณพัชรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะทำงานโครงการรณรงค์การปลูกไม้เศรษฐกิจ กล่าวว่า ตั้งแต่ริเริ่มโครงการ “We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน” โดยได้ลงนามความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เครือฯ ได้รับเสียงตอบรับและความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างดี หลายกลุ่มธุรกิจเริ่มขับเคลื่อนโครงการอย่างเป็นรูปธรรม

“อย่างโครงการปลูกป่าในบ้าน ของกลุ่ม CPP ที่นำเอาเป้าหมายของเครือฯ มาสู่การปฏิบัติ โดยการนำของคุณสุเมธ ภิญโญสนิท ที่มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจนซึ่งไม่เพียงภายในประเทศไทยยังครอบคลุมไปถึง 12 ประเทศที่มีหน่วยงานอยู่ นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้บริหารและเพื่อนพนักงานทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันปลูก ซึ่งวันนั้นต้นไม้ทุกต้นที่ปลูกจะมีชื่อของผู้ปลูกเขียนกำกับไว้ เพื่อให้ทุกคนกลับมาช่วยดูแล และได้เห็นการเติบโต ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ”

คุณพัชรี กล่าวว่า กิจกรรมนี้แสดงถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนที่กำลังจะสร้างความร่มเย็น สร้างความเป็นปึกแผ่นในบ้านขององค์กร ช่วยกันทำเรื่องที่จะขับเคลื่อนตอบสนองต่อนโยบายของเครือฯ อย่างดีมาก ซึ่งที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมและกำลังจะเริ่มตามมาอีกในหลายๆ หน่วยงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝน

สำหรับหน่วยงานอื่นๆ ที่กำลังจะเริ่มทำโครงการ คุณพัชรีแนะนำว่า ควรจะต้องเริ่มตั้งแต่การกำหนดนโยบายและเป้าหมายขององค์กร ที่จะนำไปสู่การเป็นองค์กรปลอดคาร์บอน หรือ Carbon Neutral ที่สำคัญจะต้องตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อที่จะขับเคลื่อน และวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มพนักงาน ครอบครัว และชุมชน

กลุ่มพืชครบวงจรตั้งเป้าปลูกต้นไม้ภายใน 5 ปี
คาดช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซ 41,500 ตัน

โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพิ่มพื้นที่สีเขียวของกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) โดยการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ขององค์กร ได้แก่ สถานีวิจัย โรงงาน ฟาร์ม และพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งหมด 7 แห่งทั่วประเทศ มีพื้นที่เป้าหมายรวม 1,385 ไร่ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ระหว่างปี 2563-2567 คาดว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถช่วยดูดซับก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 41,500 ตันคาร์บอน (CO2e)

คุณสุเมธ ภิญโญสนิท กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(ข้าวโพด) พร้อมรับนโยบายของเครือฯ ในการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 แม้จะเป็นเรื่องยากและท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเครือฯ ที่มุ่งมั่นในการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และจากความร่วมมือร่วมใจของคนในเครือฯ เชื่อว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จ ซึ่ง“โครงการปลูกป่าในบ้าน CPP” เป็นกิจกรรมหนึ่งที่นอกจากจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นเหตุสำคัญของการเกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญแล้ว ยังทำให้ทุกคนในองค์กรได้มีส่วนร่วมสนองนโยบายเครือฯ และสร้างความรู้สึกดีๆ ในการปลูกต้นไม้ และหวังว่าทุกคนจะนำความรู้สึกนี้ไปขยายผลต่อกับคนรอบข้าง หรือชุมชน

สำหรับพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกในครั้งนี้ คุณสุเมธบอกว่า ได้ปรึกษากับกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่ปลูก ตั้งเป้าว่าต้นไม้ที่ปลูกแล้วต้องรอดทุกต้น โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินก่อนปลูกและหลังปลูก เตรียมระบบน้ำ ทุกสิ่งที่ทำคือ การลงทุน แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่ได้หวังผล เพราะทุกสิ่งที่ทำต้องคืนให้แก่แผ่นดิน และที่สำคัญทุกคนกลับมาเยี่ยมต้นไม้ของตัวเองทุกปี

“ผมเชื่อว่าถ้ามีที่ว่าง ทุกคนอยากจะปลูก เมื่อก่อนเราไม่เข้าใจว่ามีที่ว่างไว้ทำไม แต่วันนี้มีเป้าหมายในส่วนตัวแล้วว่า บริษัทก็ต้องการ และตัวเองก็รักที่จะปลูกต้นไม้ หากตรงไหนว่างก็จะปลูกได้เลย ซึ่งเราจะให้คำแนะนำและให้ความรู้ในเรื่องของการปลูกต้นไม้ให้ด้วย”

หลายหน่วยธุรกิจทั้งในประเทศต่างประเทศ
เดินเครื่องขับเคลื่อนเป้าหมายเครือฯ

นอกจากกลุ่มพืชครบวงจรฯ ที่ได้ขับเคลื่อนโครงการอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ก่อนหน้านี้หลายกลุ่มธุรกิจได้เปิดตัวโครงการ และเริ่มกิจกรรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่สำนักงาน ตัวอย่างเช่น กลุ่มการค้าระหว่างประเทศ เปิดตัวโครงการ “Green Buffer for Better” ทีได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ลดมลพิษทางอากาศ ประสานความร่วมมือกับชาวชุมชนรอบโรงงานข้าวนครหลวง ปลูกต้นไม้รวม 600 ต้น ตามแนวริมตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ซึ่งนอกจากป้องกันตลิ่งพังแล้วยังช่วยป้องกันลม เพิ่มความร่มรื่นให้ชุมชนที่อาศัยอยู่ติดกับแม่น้ำ และช่วยลดปัญหาโลกร้อน

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้บริหารและพนักงานของ CP ประเทศลาว จากทุกกลุ่มธุรกิจทั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มสุกร ฟาร์มสัตว์ปีก และธุรกิจครบวงจรสาขา ร่วมกันปลูกต้นไม้เนื่องในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติและวันสิ่งแวดล้อมสากล ประจำปี 2020 เพื่อร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในพื้นที่โรงงาน ฟาร์ม ตลอดจนชุมชนรอบข้าง รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานของ CPF ฟิลิปปินส์ จากทุกกลุ่มธุรกิจ

ได้แก่ ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่พันธุ์ ฟาร์มไก่เนื้อ และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ก็ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเป้าจะปลูกให้ครบ 100,000 ต้น ภายในปี 2020 เพื่อร่วมฉลองกิจกรรมครบรอบ 100 ปี เครือเจริญโภคภัณฑ์ในปี 2021 ภายใต้วิสัยทัศน์ความยั่งยืนของเครือ สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral

วันนี้ เครือฯ และกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้เริ่มต้นและขับเคลื่อนโครงการ We Grow : ปลูกเพื่อความยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจากพนักงานกว่า 3 แสนคนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยกันปลูกต้นไม้เพียงคนละ 3-5 ต้น เราจะได้ต้นไม้ถึง 1.5 ล้านต้น ซึ่งไม้ยืนต้นที่ปลูกสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนฯ ได้ประมาณ 0.3 ตันคาร์บอน และหากเราขยายผลไปยังเพื่อนๆ และครอบครัว ก็จะยิ่งทำให้ช่วยลดดูดซับก๊าซคาร์บอนฯ ได้เพิ่มมากขึ้น และช่วยลดอุณภูมิความร้อนของโลก ทำให้ปัญหามลภาวะลดลงได้อย่างแน่นอน