มูลนิธิซีพี – ภาครัฐ เดินหน้ายกระดับ “กาแฟอมก๋อย” ในงาน “จิบกาแฟ…แลดนตรี” ครั้งที่ 1 พลิกจากไร่ฝิ่นสู่ไร่กาแฟ มุ่งสร้างพืชเศรษฐกิจยั่งยืน

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำขนาดใหญ่ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ริเริ่มโครงการ “ซีพีพัฒนา-อมก๋อยโมเดล” ขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างครบวงจร ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการส่งเสริมพืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือ “กาแฟ” ซึ่งเป็นพืชทางเลือกที่นอกจากจะมีมูลค่าสูงแล้ว ยังสามารถเติบโตใต้ร่มเงาป่า ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายของเครือฯ ที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050

โดยล่าสุด มูลนิธิซีพี ร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาสังคม จัดงาน “จิบกาแฟ…แลดนตรี” ครั้งที่ 1/2568 ภายใต้แนวคิด “จากแดนฝิ่น สู่ถิ่นกาแฟ” และกิจกรรมประกวดวงดนตรีเยาวชนและประชาชน Omkoi FEST#4 “ร้อง เล่น เต้น โชว์” ประจำปี 2568 โดยได้รับเกียรติจาก นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายปรีชาพล พูลทวี นายอำเภออมก๋อย นายกฤตยรัฐ ปารมี ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท พร้อมด้วยหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกฝิ่นมาปลูกกาแฟ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชน และยังเป็นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ณ หอประชุมอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การส่งเสริมให้ประชาชนหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงอย่างกาแฟ แมคคาเดเมีย และพืชเกษตรมูลค่าทดแทนการบุกรุกทำลายป่าเพื่อปลูกฝิ่นหรือทำไร่เลื่อนลอยเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นอกจากจะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประชาชนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ป้องกันการเกิดไฟป่าด้วย ซึ่งการจัดงาน “จิบกาแฟ แลดนตรี” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาตั้งเป้าหมายยกระดับพัฒนากาแฟในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นฐานะแหล่งผลิตกาแฟที่มีคุณภาพและลักษณะพิเศษอันเป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และภูมิปัญญาของคนในพื้นที่อำเภออมก๋อย (กาแฟ GI) อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อไป

ทางด้าน นายกฤตยรัฐ ปารมี ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการ “ซีพีพัฒนา – อมก๋อยโมเดล” ซึ่งขับเคลื่อนผ่าน 6 แผนงาน ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน” หนึ่งในแผนงานที่สำคัญ คือ “กาแฟสร้างป่า ยกระดับวิถีชีวิตคนบนดอย” ที่มุ่งเน้นสร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูผืนป่า โดยเข้าไปสนับสนุนการจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกาแฟสร้างป่าอมก๋อย” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพื่อช่วยจัดการผลผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงการผลักดันการจัดตั้งโรงแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับมาตรฐานกาแฟ ปัจจุบันมีสมาชิกแล้ว 322 ราย จำนวน 470 ไร่ นำร่องพัฒนาพื้นที่ 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านมูเซอ ตำบลม่อนจอง, บ้านนาเกียนกับบ้านแม่สะเต ตำบลนาเกียน, บ้านปิตุคี บ้านห้วยปู บ้านยางเปียง ตำบลยางเปียง, บ้านแม่ต๋อม ตำบลอมก๋อย เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวสู่การปลูกกาแฟอาราบิกา ซึ่งเป็นพืชทางเลือกที่สร้างรายได้ที่ยั่งยืนกว่า

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆภายในงาน “จิบกาแฟ…แลดนตรี” ครั้งที่ 1/2568 อาทิ การเสวนาวิชาการเพื่อองค์ความรู้ด้านการจัดการกาแฟ กิจกรรมประกวดวงดนตรีเยาวชนและประชาชน Omkoi FEST#4 “ร้อง เล่น เต้น โชว์” ประจำปี 2568 พร้อมทั้งยังมีการออกบูธนิทรรศการและการออกร้านของเครือข่ายผู้ผลิตกาแฟอำเภออมก๋อย และบูธที่ดำเนินงานด้านการศึกษา จำนวน 26 ภาคีเครือข่ายที่ขับเคลื่อนงานด้านกาแฟในพื้นที่อมก๋อย

โดยการจัดงานครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการร่วมมือหน่วยงานภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงาน อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ อำเภออมก๋อย ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 สถาบันสำรวจและควบคุมพืชเสพติด สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน) องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 7 ท้องถิ่นในพื้นที่อำเภออมก๋อย และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) ในการขับเคลื่อนพัฒนา อ.อมก๋อย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน