
4 ตุลาคม 2568 คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) ขึ้นเวที CEO Panel: Business Adaptation for a Sustainable Future แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงกลยุทธ์ในการปรับตัวและขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงระดับโลก ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำของประเทศไทยเข้าร่วมเสวนา ได้แก่ คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยการเสวนาดำเนินรายการโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้สร้างแรงบันดาลใจและผู้สื่อข่าวชื่อดัง ณ SX GRAND PLENARY HALL ชั้น G ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

บรรยากาศงานเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์จริง พร้อมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างอนาคตที่ดีให้สังคมและโลก ในการเสวนาครั้งนี้ ผู้บริหารได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการปรับตัวท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก พร้อมเน้นบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและเสริมศักยภาพคู่ค้า ผ่านความเชื่อมโยงเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์และแนวทางให้คู่ค้าปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนตระหนักถึงบทบาทของผู้นำองค์กรชั้นนำในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของระบบธุรกิจไทย

คุณศุภชัย เจียรวนนท์ มองว่าในมิติของประเทศไทย ในวิกฤติย่อมมีโอกาสอยู่ ระบบซัพพลายเชนของโลกกำลังเปลี่ยนแปลง หลายบริษัทขยับไปยังประเทศอื่นๆ ไทยได้รับอานิสงส์อย่างมากทั้งในเรื่องนิคมอุตสาหกรรมและการผลิต รวมถึงไฮเปอร์สเกลเลอร์ต่างๆที่ไหลเข้ามายังไทยและอาเซียน แต่คำถามที่ตามมาคือเรื่องพลังงานสะอาดและพลังงานน้ำ หากเราต้องการเป็นฮับ พลังงานแก๊สจะเพียงพอหรือไม่ การตอบโจทย์เหล่านี้จะเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่อุปทาน และโจทย์ถัดไปคือการจ้างงาน SMEs ไทยจะปรับตัวได้หรือไม่ มีอินเซนทีฟเพียงพอหรือไม่ รวมถึงการจัดการทุน การเงิน และกรีนไฟแนนซ์
หากไทยสามารถทำเรื่องกรีนไฟแนนซ์ที่มีดอกเบี้ยลดลงและมีดอกเบี้ยที่จูงใจ จะช่วยให้ SMEs ไทยปรับตัวเข้ากับห่วงโซ่อุปทานได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องกรีนเอนเนอร์จี หากทำสิ่งเหล่านี้เป็นหลักของอาเซียนได้ สิ่งอื่นจะตามมาเอง ซึ่งถือเป็นโอกาสของไทย เพราะทั่วโลกให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ดีคาร์บอน และโซลาร์พาวเวอร์ การผลัดใบของระบบเศรษฐกิจเข้าสู่เศรษฐกิจยั่งยืนจะเร่งตัวเร็วขึ้นพร้อมกับการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทานของโลก จึงต้องฉวยโอกาสนี้ไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะตกขบวน

คุณศุภชัยแนะว่า เมื่อมองที่โครงสร้างเศรษฐกิจ จะเห็นว่ากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Innovationism ยุคที่เทคโนโลยีเป็นเรื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่กำลังเจอคือ Computing Technology ที่กินกำลังไฟมหาศาล เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคนี้แล้ว เราปรับตัวทันหรือไม่ ปัจจุบันการแข่งขันคือใครมีเทคโนโลยีมากกว่ากัน องค์กรต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคนี้ ต้องเชื่อในการสร้างนวัตกรรม วิธีการใหม่ๆ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ มีการเข้าถึง AI ทั้งองค์กรหรือยัง หรือทำให้โรงงานที่มีอยู่ฉลาดขึ้นหรือยัง ต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไร
คุณศุภชัยเน้นว่า เรารอไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เลือกเปลี่ยนเองหรือถูกบังคับให้เปลี่ยน ผู้ที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนแล้วแต่เปลี่ยนไม่ทันก็จะล้มหายตายจาก ดังนั้นควร Proactive ทำไปเรียนรู้ไป ปรับบริษัทเป็นห้องทดลอง สร้างคนรุ่นใหม่ ล้มเล็กๆ เรียนรู้เยอะๆ ล้มเยอะๆ แต่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่เหมือนสตาร์ทอัพ สมมติว่าองค์กรไม่ใหญ่ ยิ่งต้องเชื่อมโยง ห้องแล็บต้องเชื่อมโยงกับแล็บอื่น เปลี่ยนจากคู่ต่อสู้เป็นอาจารย์ เป็นครู เรียนรู้จากทุกคนเพื่อไม่ให้เป็นกบในกะลา เชื่อมโยงกันเพื่อให้ประเทศไทยแข็งแกร่งพอที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโลกและระดับภูมิภาค

มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน เป็นผู้บริหารจากเครือข่าย TSCN ซึ่งต่างได้รับแรงบันดาลใจและแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้คน สังคม และโลกอย่างต่อเนื่อง
#CPGroupเพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า #SX2025 #SustainabilityExpo #WeAreCP #ธุรกิจยั่งยืน

