เครือซีพี ภาคภูมิใจ คว้ารางวัล Regional Winner จาก Schneider Electric ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับโลก ยกย่องความร่วมมือกับพันธมิตรในการลดก๊าซเรือนกระจกและบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำความยั่งยืนสู่เวทีโลก

เครือซีพีภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่คว้ารางวัล Regional Winner จากเวที Schneider Electric Sustainability Impact Awards 2024 ซึ่งจัดโดย Schneider Electric ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเชิดชูองค์กรที่มีส่วนร่วมสร้างโลกที่ยั่งยืนและใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า โดย เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับเกียรติเป็น บริษัทเดียวในประเทศไทย ที่คว้ารางวัลระดับภูมิภาคในโซนจีน เอเชียตะวันออก และญี่ปุ่น สะท้อนถึงความสำเร็จด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม และการผลักดันซัพพลายเชนใน 23 ประเทศและ 1 เขตเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐานความยั่งยืนสากล สำหรับปี 2024 มีองค์กรจากทั่วโลกส่งผลงานร่วมประกวดกว่า 452 รายการ ยิ่งสะท้อนบทบาทของเครือซีพีในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจสู่เป้าหมาย Net-Zero ด้วยพลังของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตามหลัก SDG17 ตอกย้ำบทบาทของเครือฯ ในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยกระดับการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมความแข็งแกร่งให้การขับเคลื่อนความยั่งยืนของไทยก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง

ในการรับรางวัลครั้งนี้ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนขององค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้แทนรับรางวัลจากคุณมงคล ตันศิริวิทย์ ประธานบริหาร Schneider Electric ประเทศไทย ซึ่งได้ให้เกียรติมอบรางวัลด้วยตนเอง พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อสานต่อความร่วมมือในอนาคตร่วมกัน โดยมีผู้บริหารเครือฯ ได้แก่ คุณสมเจตนา ภาสกานนท์ และคุณวีระนนท์ ฟูตระกูล เข้าร่วมการหารือ ณ ชั้น 28 อาคารทรู ทาวเวอร์

ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนและกลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “การได้รับรางวัล Schneider Electric Sustainability Impact Awards ในระดับ Regional Winner นี้ สะท้อนให้เห็นว่า ‘ดาต้า เทคโนโลยี และการลงมือปฏิบัติจริง’ สามารถสร้างผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนที่พิสูจน์ได้ เราผลักดันนโยบาย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2050 โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกระดับ รวมถึงมุ่งสู่เป้าหมายของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste) ภายในปี 2030 ด้วยการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าไปยังทุกกลุ่มธุรกิจในทุกประเทศ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่สอดประสานกันทั้งเครือฯ และขยายผลไปสู่ซัพพลายเชน รางวัลนี้จึงไม่ใช่เพียงความสำเร็จของซีพีเท่านั้น หากยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรไทยที่สามารถสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง ผ่านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การประยุกต์เทคโนโลยีสะอาดเพื่อยกระดับการผลิต และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องตลอดห่วงโซ่อุปทาน

“ซีพี ได้รับรางวัล Regional Winner ในครั้งนี้ จากความมุ่งมั่นและความร่วมมือในการถ่ายทอดยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนจากผู้บริหารระดับสูงไปสู่การปฏิบัติจริงในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการพลังงาน และการบริหารซัพพลายเชนร่วมกับพันธมิตรอย่างเป็นระบบ ช่วยให้เครือฯ สามารถขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 3 ได้อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การติดตั้ง Solar Rooftop ปรับระบบทำความเย็น และเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า การตรวจสอบย้อนกลับวัตถุดิบทางการเกษตร พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็น Low-Carbon Footprint ของคู่ค้า เป็นต้นรวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานการทำธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างซีพีกับชไนเดอร์ยังส่งเสริมการแบ่งปันองค์ความรู้ด้านพลังงานสะอาดและระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ ทำให้ซีพี สามารถขยายผลไปยังซัพพลายเชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ด้าน คุณมงคล ตั้งศิริวิช ประธานบริหาร Schneider Electric ประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของรางวัลนี้ว่า เป็นการเชิดชูผลงานด้านความยั่งยืนของพันธมิตรทั่วโลก พร้อมแสดงความยินดีกับเครือซีพีว่า “การได้รับรางวัลในครั้งนี้ ของ เครือซีพี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และการลงมือปฏิบัติจริงจนเกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ทั้งยังถือเป็นไฮไลท์สำคัญของโครงการและเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่น ๆ ทั้ง ซีพี และ Schneider Electric มีเป้าหมายร่วมกันในการบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดย Schneider มีกลยุทธ์ 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ ลงมือปฏิบัติจริง (Take Action) เพื่อลดคาร์บอนในปฏิบัติการขององค์กรเป็นอันดับแรก สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire) โดยนำกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ และขยายผล (Scale Up) เพื่อนำแนวปฏิบัติที่ได้ผลไปใช้ได้อย่างแพร่หลายและสร้างผลกระทบเชิงบวกเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น Schneider Electric ได้ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์กว่า 1,000 รายทั่วโลก เพื่อใช้กรณีศึกษาของเราเป็นแรงบันดาลใจในการลดคาร์บอน”

“สุดท้ายนี้ ผมขอเน้นว่าองค์กรอย่างเครือซีพีไม่เพียงแต่เป็น ต้นแบบ (Role Model) ด้านความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องผลักดันให้เกิดการขยายผลต่อไป เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนและดีขึ้นสำหรับผู้คน”

รางวัล Schneider Electric Sustainability Impact Awards จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2565 เพื่อยกย่องลูกค้า คู่ค้า และซัพพลายเออร์ที่สร้างผลลัพธ์โดดเด่นด้านการลดการปล่อยคาร์บอนและการขับเคลื่อนความยั่งยืน ทั้งในกระบวนการภายในองค์กรและการช่วยสนับสนุนการลดคาร์บอนของลูกค้า ชไนเดอร์ อิเล็คทริคในฐานะผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในระบบจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ได้ยกระดับรางวัลนี้ให้เป็นมาตรฐานสากลของ “Impact Makers” ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ผ่านกรอบแนวคิด Electricity 4.0 และแกนหลักสามประการ ได้แก่ Strategize การกำหนดกลยุทธ์ด้านพลังงานและความยั่งยืนอย่างชัดเจน Digitize การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับประสิทธิภาพพลังงาน และ Decarbonize การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างวัดผลได้

ซีพี ยังคงเดินหน้ายกระดับประสิทธิภาพด้านพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย Science Based Targets initiative (SBTi) โดยตั้งเป้าลด Scope 1 และ 2 ร้อยละ 42 และ Scope 3 ร้อยละ 25 ภายในปี 2573 พร้อมพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สร้างมาตรฐานใหม่ของการดำเนินธุรกิจที่เติบโตควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ซีพีต่อยอดกลยุทธ์ ESG ในทุกมิติ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และโลกอย่างยั่งยืน