CP มีส่วนช่วยให้ประมงชายฝั่งดีขึ้นอย่างไร ?

การจับปลาในปริมาณที่มากเกินควร(Overfishing) และการทำประมงอย่างไร้ความรับผิดชอบซึ่งรวมถึงการทำผิด กฎหมายในเรื่องต่างๆการขาดการรายงานและขาดการควบคุม (Illegal, Unreported, and Unregulated – IUU) ทำให้ปริมาณปลา ลดน้อยลงเป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นในการออก ทำประมงแต่ละครั้งจึงต้องมุ่งหวังให้สามารถจับสัตว์น้ำได้ปริมาณที่มากเพียงพอ เพื่อสร้างรายได้ในการดำรงชีพ ซึ่งรวมถึงรายได้ จากการขายปลาขนาดเล็กเข้าโรงงานผลิตปลาป่นด้วย

ปัญหานี้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งเป็นอย่างมาก ทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ อันอาจ นำไปสู่การล่มสลายของชุมชนประมงชายฝั่งในที่สุดทำให้เกิด ข้อเรียกร้องขึ้นอย่างมากจากชุมชนประมงชายฝั่งให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว รวมถึง ในฐานะผู้ผลิต อาหารสัตว์และธุรกิจฟาร์มกุ้งโดยอาหารกุ้งนั้นมีส่วนผสม จากปลาป่น 2 ประเภท ได้แก่

  1. ปลาป่นประเภท By Product ซึ่งเป็นส่วนเหลือจากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น หัว หางปลาทูน่า เป็นต้น
  2. ปลาป่นประเภท By Catch อันประกอบด้วยปลาเป็ด (ปลาขนาดเล็กที่ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ)และลูกปลาเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้จากการทำประมง

ตระหนักว่าปลาเล็กปลาน้อยที่ถูกส่งเข้าโรงงานผลิตปลาป่น ประเภท By Catch เกิดจากการทำประมงอย่างไร้ความรับผิดชอบ และส่งผลกระทบต่อประมงชายฝั่งได้ออกแถลงการณ์เพื่อยุติการ ซื้อวัตถุดิบปลาป่นประเภท By Catch เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2558 คงไว้เพียงการรับซื้อเฉพาะปลาป่นประเภท By Product จากโรงงาน ที่ได้รับมาตรฐานสากลเท่านั้น

ต่อมาได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการด้านประมง ภาคประชาสังคม รวมถึงตัวแทนจากภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการร่วมภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการศึกษา ให้คำแนะนำ และมีส่วนร่วมในการ ให้แนวทางอันเป็นประโยชน์มุ่งเน้นเพื่อขยายผลไปยังมิติเพื่อการ ส่งเสริมและพัฒนาวิถีประมง ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้แล้ว ได้ตั้งทีมกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ในพื้นที่เขตประมง ชายฝั่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ร่วมกับชุมชน ประมงชายฝั่ง นักวิชาการ และส่งเสริมเยาวชนให้เห็นความจำเป็น ของงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน รวมถึงการศึกษาเทคโนโลยีทางด้านประมง เช่น VMS เรดาร์ เซ็นเซอร์ เป็นต้น ด้วยมุ่งหวังให้สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไข ปัญหาและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างบูรณาการ ซึ่งปัจจุบันได้มีการกำหนดโครงการต้นแบบเพื่อการฟื้นฟูแล้ว และคาดว่าจะสามารถเริ่มเห็นผลได้ในปี 2560

ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน การปรับแก้ กฎหมายและร่าง หลักเกณฑ์ใหม่ ได้แก่ พระราชกำหนดประมง รวมถึงหลักเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงเพื่อให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากล โดยการประสานความร่วมมือ รับฟังข้อกังวลของทั้งประมง พื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ หน่วยงานภาครัฐ การขอความเห็นจาก นักวิชาการ ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ โดยมี เป้าประสงค์ให้ ทั้งประมงชายฝั่ง และการประมงในประเทศไทย สามารถประกอบ อาชีพต่อไปได้ควบคู่กับการอนุรักษ์ การฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการปรับแก้ และการประสาน ทุกภาคส่วนเพื่อร่วมทำข้อเสนอต่อไปยังภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง

การผลักดันตามเจตนารมณ์เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูทรัพยากรทาง ทะเลอย่างยั่งยืนตามที่ตั้งไว้จะไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างสูงสุด หากไม่มีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน จึงริเริ่มการประชุมโดยเชิญผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่อุปทานประมง เข้าร่วม รวมถึงสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มนักวิชาการประมง ผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศภาคประชาสังคมไทย และภาคประชาสังคมสากลโดยมีอธิบดีกรมประมงเป็นประธาน ในที่ประชุมซึ่งได้หารือและกำหนดกรอบแนวทางความร่วมมือ ทั้งด้านนโยบายและการปฏิบัติภายใต้วัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ตามที่กล่าวข้างต้น