“เครือซีพี” ผนึกกำลัง “Plug and Play” บริษัทพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพระดับโลก ประกาศความร่วมมือส่งเสริมศักยภาพสตาร์ทอัพไทย-ต่างประเทศ หนุนโครงการ Thailand Smart Cities ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมปักหมุดเครือซีพีสู่ผู้นำ “องค์กรแห่งนวัตกรรม”

จากซ้ายไปขวา: ธันยธร ทองวรานันท์ ผู้จัดการโปรแกรมสมาร์ทซิตี้ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Plug and Play, ดร.จอหน์ เจียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เครือเจริญโภคภัณฑ์, Shawn Dehpanah รองกรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปฟิก  Plug and Play, ฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค, รัชนี ทีปประสาน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม และ วสันต์ หิรัญสถิตพร จากเครือเจริญโภคภัณฑ์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ องค์กรธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ Plug and Play บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจสตาร์อัพระดับโลกจาก Silicon Valley สหรัฐอเมริกา ประกาศความร่วมมือเพื่อเพิ่มศักยภาพและขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยั่งยืนภายใต้โครงการ “สมาร์ทซิตี้” ของประเทศไทย (Thailand Smart Cities) โดยมีความร่วมมือกันในประเด็นต่างๆ อาทิ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การสร้างความยั่งยืน (Sustainability) การบริการทางการแพทย์ด้านดิจิทัล (Digital Health) การเชื่อมโยงและเชื่อมต่อข้อมูลทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ต (Internet of Things – IoT) การสร้างพลังงานสะอาด (Clean Energy) การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง (Real Estate & Construction) โดยความร่วมมือของเครือซีพีและ Plug and Play จะสามารถช่วยพัฒนาและผลักดันให้ธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและในต่างประเทศมาร่วมเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชนไทย เพื่อสร้างทีมนวัตกรรมที่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะมุ่งมั่นในการนำแนวคิดใหม่ๆมาสร้างสรรค์และต่อยอดเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

ดร.จอหน์ เจียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญและสอดคล้องกับนโยบายของเครือฯ ที่จะพัฒนางานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับศักยภาพของเครือซีพีในการดำเนินธุรกิจให้ให้เติบโตเคียงคู่สังคมในหมุดหมายที่จะเป็น “องค์กรแห่งนวัตกรรม” ให้เติบโตทัดเทียมบนเวทีระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับในวาระครบรอบ 100 ปี ที่เครือซีพีมุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีให้กับผู้บริโภคและประชาชนในทุกประเทศที่เครือฯเข้าไปดำเนินธุรกิจผ่านประสบการณ์และองค์ความรู้ของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมบริการใหม่ๆ ผ่านโครงการความร่วมมือกับสตาร์ทอัพระดับโลก ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการวางแผนการทำงานของเครือฯที่จะสร้างมูลค่าและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยที่ผ่านมา Plug and Play เป็นองค์กรแพลทฟอร์มที่มีประสบการณ์ดูแลและสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่งจำนวนมากในต่างประเทศ และยังมีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกจำนวนมากในหลากหลายธุรกิจ

“เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ Plug and Play ในการผสานระหว่างความแข็งแกร่งของธุรกิจในเครือซีพี กับกลุ่มธุรกิจสตาร์อัพที่มีนวัตกรรมใหม่ๆจากทั่วโลกที่จะได้มีโอกาสร่วมลงทุนในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับและขยายระบบนิเวศทางดิจิทัลของทุกธุรกิจในเครือซีพี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจ ตลอดจนบริการและโซลูชั่นต่างๆในด้านนวัตกรรมของเครือฯให้เติบโตต่อไป” ดร.จอห์น เจียงกล่าว

ขณะที่คุณฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ซึ่งเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัลในประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือกับ Plug and Play จะส่งต่อการมีส่วนร่วมระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือฯซีพี กับบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกเพื่อพัฒนาภารกิจด้านนวัตกรรมของเครือฯและคู่ค้า และอีกสิ่งสำคัญคือทำให้เกิดความร่วมมือในการเพิ่มศักยภาพและบ่มเพาะกลุ่มธุรกิจสตาร์อัพของไทยให้เติบโตสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

ด้าน มร.Shawn Dehpanah รองกรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปฟิก  Plug and Play กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับเครือซีพีในการขยายแพลตฟอร์มนวัตกรรมขององค์กร Plug and Play  โดยเป้าหมายร่วมกันของทั้งสององค์กรคือความร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับองค์กรชั้นนำ ซึ่เราพร้อมที่จะร่วมขับเคลื่อนและพัฒนานวัตกรรมให้กับกลุ่มธุรกิจของเครือฯอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ ปัจจุบัน Plug and Play มีความร่วมมือดำเนินงานร่วมกับ บริษัท 7 แห่งของไทยในโครงการ Thailand Smart Cities ได้แก่ เครือซีพี, บมจ. กลุ่มปตท., ไทยออยล์ กรุงเทพ, ดุสิตเวชการ, K.E. Group, Filinvest Development Corporation และบางจาก