“ปลูกผักแบบไร้มนุษย์” สตาร์ทอัพญี่ปุ่นเล็งใช้ AI ช่วยงาน พบผักโตกว่าเดิม 80%

รับโลกยุคขาดแคลนแรงงาน สตาร์ทอัพญี่ปุ่นพัฒนา AI ช่วยวิเคราะห์เมล็ดพันธุ์ผัก – การเติบโต ตั้งเป้าสร้างเทคโนโลยีเพื่อการปลูกผักแบบไม่ต้องมีพนักงานมนุษย์ “ภายในสองปี” 

AI ดังกล่าวเป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันของสตาร์ทอัพในกรุงโตเกียว ชื่อ Farmship ร่วมกับ Pi Material Design จากมหาวิทยาลัยซึคุบะ จังหวัดอิบารากิ โดย AI ตัวแรกทำหน้าที่วิเคราะห์เมล็ดพันธุ์ผัก ว่าเมล็ดพันธุ์ผักแบบไหนที่จะเติบโตได้ดี ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่วิเคราะห์แล้วว่า หากปลูกไปจะได้ต้นผักที่ไม่แข็งแรงก็จะถูกกำจัดทิ้ง ทำให้เหลือแต่พันธุ์ผักที่มีประสิทธิภาพ ส่วน AI อีกตัวจะถูกใช้ประเมินการเติบโตของผัก

ในการทดลองปลูกผักตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นพบว่า เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ AI คัดแยกสามารถเติบโตได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับวิธีเดิม ๆ ที่ทำได้แค่ 54% ส่วนในแง่ของการเก็บเกี่ยวผลผลิต พบว่าทำได้เพิ่มขึ้น 17% ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี การทดสอบปลูกผักของบริษัทยังคงใช้แรงงานมนุษย์อยู่ (ใช้ในการถ่ายภาพ และย้ายต้นกล้า) แต่ทางบริษัทตั้งเป้าว่า จะเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมดภายในสองปี ก่อนจะนำเทคโนโลยีทั้งหมดไปพัฒนาเป็นโปรดักท์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป

เหตุที่จะนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของต้นทุนที่พบว่า ค่าแรงมนุษย์ในการคัดแยกเมล็ดพันธุ์ผักนั้นเป็นต้นทุนที่สูงพอสมควร และใช้เวลานานค่อนข้างนานพอ ๆ กับการเก็บเกี่ยว แต่มันสามารถลดลงได้หากเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ – การนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยนั่นเอง

สำหรับผักที่บริษัทสามารถปลูกได้ในตอนนี้คือ ผักกาดหอม และกำลังขยายไปสู่การปลูกผักโขมที่มีราคาแพงกว่าด้วย

ทั้งนี้ ธุรกิจการปลูกผักในโรงเรือนของญี่ปุ่นในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 7,873 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์จากบริษัทวิจัย Global Information ว่ามูลค่าธุรกิจดังกล่าวในตลาดโลกจะเติบโตไปสู่มูลค่า 172,500 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2026 เลยทีเดียว

ที่มา https://asia.nikkei.com/Business/Agriculture/Better-spinach-through-AI-Tokyo-startup-automates-seedling-selection