เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งเป้า Net Zero Carbon คว้ารางวัล “โดดเด่น” การประเมินธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ปี 2564

หลายสัญญาณเตือนจากปัญหา Climate Change หรือสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ย่ำแย่ลงของโลก โดยเฉพาะการได้ Code Red หรือรหัสสีแดง สัญลักษณ์ของการตกอยู่ในอันตราย จากรายงานล่าสุดของคณะกรรมการองค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) สะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของมนุษย์เป็นปัจจัยของการเพิ่มก๊าซเรือนกระจก สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ และกำลังทำให้ทั้งโลกเข้าสู่วิกฤติด้านสภาพอากาศที่เรียกว่า “ภาวะโลกรวน”  ภาพการเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้นทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือบางพื้นที่ต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ ล้วนเป็นผลกระทบจากปัญหาโลกรวน หรือโลกร้อน ทำให้หลายฝ่ายพยายามร่วมมือหาแนวทางเพื่อยุติหรือบรรเทาวิกฤติที่โลกกำลังเผชิญนี้อย่างจริงจัง เช่น ความร่วมมือผ่าน ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อช่วยกันควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 1.5 – 2 องศาเซลเชียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการสนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อลดผลกระทบและเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

ต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน

ขณะที่ประเทศไทยก็ตื่นตัวในประเด็นเหล่านี้เช่นกัน โดยเฉพาะความร่วมมือจากภาคธุรกิจในการวางยุทธศาสตร์เติบโตอย่างยั่งยืน  เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการวางเป้าหมายไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก  เช่นเดียวกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CP ALL) ผู้บริหาร เซเว่นอีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ อีกหนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลระดับ “โดดเด่น” จาก ผลการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ประจำปี 2564 (Low Carbon and Sustainable Business Index: LCSi)  โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า การได้รับรางวัลครั้งนี้ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นและจริงจังของซีพี ออลล์ ในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง และได้วางเป้าหมายที่ท้าทายในการก้าวสู่ Net Zero Carbon Organization ภายในปี 2573

รางวัล LCSi ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งชี้วัดความสำเร็จของซีพี ออลล์  ในฐานะต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ซึ่งถือว่าเป็นการขยับไปใกล้เป้าหมายที่วางไว้ได้มากขึ้น จากการันตีโดยสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยการพิจารณามิติต่างๆ ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินการตัดสิน ได้แก่ มิติในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ที่มองการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการกระจายรายได้และเอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ มิติด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือการปล่อยมลพิษในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้  รวมทั้ง มิติในการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน การพัฒนาคนให้มีความรู้ มีสมรรถนะและผลิตภาพสูง เกิดเป็นสังคมที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับประเทศไทยไปสู่บริบทของการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน  รวมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น

7 Go Green กลยุทธ์สู่ Net Zero Carbon

ซีพี ออลล์ วางโรดแม็พการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 โดยเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็น 1 ในแกนหลักสำคัญ ร่วมกับแกนของเศรษฐกิจและแกนของชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ คำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน การจัดการขยะอย่างยั่งยืน และการมีส่วนร่วมในการปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กร Net Zero Carbon ได้ตามเป้าหมาย โดยวางกลยุทธ์ เซเว่น โก กรีน (7 go green) เพื่อช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการสนับสนุนโครงการต่างๆ ภายใต้ 4 องค์ประกอบสำคัญของการบริหารธุรกิจ ได้แก่

1. Green Store  เช่น ปรับปรุงประสิทธิภาพของตู้แช่ภายในร้านเซเว่นฯ การใช้หลอดไฟ LED ภายในร้านเซเว่นฯ ติดตั้งระบบสำรวจและติดตามสภาพอากาศและอุณหภูมิในร้าน และขยายการติดตั้ง Solar PV Rooftop ที่สาขาเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

2. Green Packaging เช่น โครงการลดวันละถุง คุณทำได้ โครงการใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ โครงการผลิตเสื้อพนักงานจากขวดพลาสติกรีไซเคิล

3. Green Logistic เช่น โครงการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่ศูนย์กระจาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โครงการยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

4. Green Living ผ่านการมีส่วนร่วมกับพนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เช่น ร่วมมือกับคู่ค้าตั้งเครื่องรับแยกขวดพลาสติกเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ปรับปรุงการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการใช้พลาสติก โครงการลดขยะสู่แหล่งฝังกลบ โครงการมอบอาหารส่วนเกินให้มูลนิธิ THAI SOS และการประกวดคลิปวิดีโอ คนรุ่นใหม่ ไร้ Food Waste เป็นต้น

“ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการผสมผสานวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เพื่อสามารถสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อชุมชนและประเทศชาติได้ตามปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ทั้งการช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ โอกาสทางอาชีพ โอกาสทางการศึกษา และโอกาสเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคมอีกด้วย”