ปปง.-ธปท.-สมาคมแบงก์ เพิ่มวิธียืนยันตัวตนฝากเงินสดผ่านเครื่อง CDM ด้วยรหัส OTP​

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันออกแถลงการณ์เรื่อง เพิ่มวิธีการยืนยันตัวตนการฝากเงินสดผ่านเครื่อง CDM ด้วยรหัส OTP​

โดยระบุว่า ตามที่มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ได้กำหนดให้การทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ฝากเงินผ่านเครื่องรับฝากอัตโนมัติ (CDM) ต้องมีการแสดงตนของผู้ทำธุรกรรม เพื่อให้มีความปลอดภัย สร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบการเงิน และเป็นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ภาคธนาคารจึงดำเนินการตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยแนวทางหนึ่ง คือ ให้ผู้ทำธุรกรรมต้องแสดงตนโดยใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็ม

อย่างไรก็ตาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ไม่มีบัตรดังกล่าวให้สามารถทำรายการฝากเงินที่เครื่องรับฝากเงิน CDM ได้ สำนักงาน ปปง. ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จึงได้หารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการอื่นเพิ่มเติม โดยมีหลักการว่า ต้องไม่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินควร และมีทางเลือกในการยืนยันตัวตนได้หลายรูปแบบ

จากการหารือร่วมกันทั้งสามหน่วยงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทุกรายได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ควรเพิ่มวิธีการยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP (One Time Password) เป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยผู้ฝากเงินผ่านเครื่อง CDM สามารถกรอกหมายเลขประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อรับรหัส OTP แล้วจึงกรอกรหัสดังกล่าวบนหน้าจอเครื่อง CDM ก่อนทำธุรกรรมฝากเงิน ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกให้ประชาชนสามารถใช้วิธีการแสดงตัวตนจากโทรศัพท์มือถือที่มีอยู่ได้สะดวกและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้นสำนักงาน ปปง. ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จะร่วมกันส่งเสริมให้มีการพัฒนาและเพิ่มทางเลือกอื่นเพิ่มเติมในระยะต่อไป

หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางบริการต่าง ๆ ของธนาคารที่ท่านใช้บริการ หรือสำนักงาน ปปง.

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์