เครือซีพี มุ่งเข็มทิศสู่เป้าหมายองค์กรแห่งความยั่งยืน ตามแนวทางสหประชาชาติ ผสานกิจกรรมที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม

โลกในปัจจุบันกำลังประสบภาวะวิกฤตหนักรอบด้าน การกระทำของมนุษย์ต่อธรรมชาติมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ส่งผลกระทบถึงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาวิกฤตโลกร้อน, ไฟป่า, ฝุ่น PM2.5 ตลอดจนโรคระบาดโควิด-19 ล้วนมีสาเหตุที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกันระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลกมุ่งมั่นร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ 17 ข้อ (Sustainable Devlopment Goals: SDG)

Sustainable Development Goals: SDG เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้วาระโลกขององค์การสหประชาชาติครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การขจัดความยากจน, ขจัดความหิวโหย, การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, การศึกษาที่เท่าเทียม, ความเท่าเทียมทางเพศ, การจัดการน้ำและสุขาภิบาล, พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนเป็นภารกิจสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

คุณรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหารด้านโครงการพิเศษ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด พูดถึงภาวะวิกฤตที่โลกกำลังเผชิญในหลายด้าน โดยมีสหประชาชาติเป็นองค์กรกลางร่วมกับภาคประชาสังคมและเอกชนระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าว และส่งเสริมภาคธุรกิจให้ยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมาย 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ

การทำเรื่องความยั่งยืนคล้ายกับเรื่องการศึกษา เริ่มจากปลูกจิตสำนึก ทำอย่างไรให้ทุกคนอยากรู้ว่าความยั่งยืนคืออะไร ตอนเริ่มคิดว่ายาก ปัจจุบันนี้ทำเรื่องนี้มามากกว่า 3 ปี

เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานทั่วโลกกว่า 3 แสนคน ลงทุนใน 21 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจ ทางเครือฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตของโลก โดยธุรกิจหลักเป็นด้านอาหารและการเกษตร ยกตัวอย่าง เครือฯ จึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนไดออกไซค์เชิงการเกษตรได้ทันทีและทำแล้ว ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง นอกจากนี้ เครือฯ ถือเป็นครัวของโลกที่ผลิตอาหารให้มนุษย์รับประทาน ซึ่งหน้าที่สำคัญที่จะพัฒนามนุษย์ให้มีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งตรงกับเป้าหมายข้อ 3 ของสหประชาชาติ คือ Health and Wellbeing นอกจากผลิตอาหารแล้ว ต้องใส่ใจอาหารที่มีคุณภาพ ให้โภชนาการที่ดี สุขภาวะอนามัยที่ดี และความปลอดภัยด้านอาหาร สิ่งเหล่านี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ ทำมาโดยตลอด

เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมที่จะสามารถช่วยเหลือโลกได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับดูแลโลกอย่างยั่งยืน ซึ่งคำว่ายั่งยืนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดทำได้ ต้องทำและสื่อสารอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น

คุณรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหารด้านโครงการพิเศษ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด

อีกทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังร่วมเป็นหนึ่งในองค์กรสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand: GCNT) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2561

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network) ของโครงการสำคัญในระดับโลกขององค์การสหประชาชาติ UN Global Compact เครือข่ายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรณรงค์ให้บริษัททั่วโลกวางกลยุทธ์และยึดหลักการทำงานที่สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน โดยปัจจุบัน คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย เพื่อมุ่งให้ประเทศไทยเดินหน้าขับเคลื่อน 17 ข้อ ยกระดับความร่วมมือของภาคธุรกิจไทย

คลิปรายการเราปรับ โลกเปลี่ยน : “รู้จักโกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย เพื่อเป้าหมายแห่งความยั่งยืนร่วมกัน”

คลิปรายการ เราปรับ … โลกเปลี่ยน : 5 ยุทธศาสตร์ของ GCNT เพื่อขับเคลื่อน SDGs สู่ความยั่งยืน

ทุกกลุ่มในธุรกิจของเครือพยายามผลักดันเป้าหมายสู่องค์กร Zero Waste และ Zero Carbon
เครือเจริญโภคภัณฑ์กำลังจะครบ 100 ปีในปี 2564 นี้ ตลอดการดำเนินธุรกิจเกือบ 100 ปี เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ยึดหลักปรัชญา 3 ประโยชน์และคุณธรรมกตัญญูมาโดยตลอด คือการคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชนและสุดท้ายประโยชน์ต่อองค์กร

เริ่มตั้งแต่การดำเนินธุรกิจในยุคแรกเริ่มของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยบริษัทเจียไต๋ ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทยที่มีการขายเมล็ดพันธุ์โดยระบุวันที่หมดอายุของเมล็ดพันธุ์เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อเมล็ดพันธุ์กลับไปปลูกก็ได้พืชผลเจริญงอกงาม คือการนึกถึงประโยชน์ของผู้ซื้อเป็นหลัก นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความยั่งยืนที่มีมาเกือบ 100 ปีแล้ว

คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ท่านประธานอาวุโสและคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์จะนึกถึงสังคมและประเทศชาติมาโดยตลอด

นับตั้งแต่ยุคเจียไต๋จนถึงยุคคุณศุภชัยที่ล่าสุดประกาศว่า ต่อไปจะมุ่งเป้าหมายขององค์กรสู่การเป็นองค์กร Zero Carbon หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ กับ Zero Waste ลดขยะและของเสียให้เป็นศูนย์ นับเป็นสองเป้าหมายความยั่งยืนใหม่ที่ท้าทายและต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2030

Zero Carbon เป็นการพยายามทำให้ลดภาวะเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในการผลิตทั้งหมด ทางบริษัททำ Workshop เรื่องนี้กันตลอดเวลา เป้าหมายของเราคืออีก 10 ปี คือเน้นเรื่องการจัดสรร บริหาร พลังงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ทำอย่างไรให้การผลิตมีการลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด มีทั้งการบริหารจัดการและเลือกสรรพลังงานสะอาดมาใช้ มีการคำนวณสูตรเพื่อที่จะใช้พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ Zero Waste เราตั้งเป้าว่า ในกระบวนการผลิต ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็จะพยายามลดขยะ ของเสียให้กลายเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2030 ตอนนี้เราก็เริ่มทำแล้ว เช่น ซีพีเอฟ และซีพี ออลล์ ก็มีการลดใช้ถุงพลาสติก ลดใช้พลาสติกหุ้มฝาขวด เป็นต้น

แนวคิด No one is too small to make a change ปูทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนได้
การพัฒนาสู่ความยั่งยืนไม่สามารถทำสำเร็จได้ หากให้ใครคนใดคนหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งทำเพียงลำพัง ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พยายามหาภาคีร่วม ให้สังคมมาช่วยกันสร้างความยั่งยืน โดยคิดแคมเปญเรื่อง “NO ONE IS TOO SMALL TO MAKE A CHANGE” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้” ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ร่วมกันพัฒนาได้ เช่น การกำจัดขยะ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น

เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พยายามปลุกความตระหนักรู้ให้สังคมหยุดทิ้งขยะลงทะเล เราเล่าเรื่องผ่านสื่อโฆษณาผ่านเด็กให้สังคมรับรู้ มองว่าความยั่งยืนคือการกระทำ แต่ละการกระทำต้องทำให้คนมีส่วนร่วมและรับรู้ ต้องพยายามเจาะกลุ่มเป้าหมาย ชักชวนผู้คนให้มาเก็บขยะ เอาขยะมาต่อเป็นตัวปลาวาฬให้ดูว่ามีขยะมากขนาดไหน เพียง 2 ชั่วโมงสามารถเก็บขยะได้มากถึง 2,000 กิโลกรัม

คุณรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหารด้านโครงการพิเศษ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด

ล่าสุด ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้จัดกิจกรรม CP for Sustainability ปู๊นปู๊นไปปลูกป่า โดยพาลูกค้า พนักงานและสื่อมวลชนนั่งรถไฟไป จ.ลพบุรี เพื่อเรียนรู้กระบวนการปลูกป่าที่ยั่งยืน ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านการฟื้นฟูป่าในรูปแบบต่างๆภายใต้โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง

คลิปรายการคิดเพื่อชีวิตยั่งยืน ตอน ปลูกเปลี่ยนโลก No one is too small to make a change

คลิปภาพบรรยากาศและความรู้สึกของผู้ร่วมกิจกรรมปู๊นปู๊นไปปลูกป่า

นอกจากนี้ทางเครือฯ ยังเป็น Knowledge Center กระจายข้อมูลให้ผู้คนได้รับรู้ผ่านทาง Facebook page CP for Sustainability https://www.facebook.com/CPGroupSustainability เรานำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักรู้และร่วมมือผลักดัน พัฒนาสู่ความยั่งยืนอย่างจริงจัง

อีกหนึ่งช่องทางที่เผยแพร่ในวงกว้างเป็นการนำเสนอรายการคิดเพื่อชีวิตยั่งยืน ตอบโจทย์ที่คุณศุภชัย เจียรวนนท์ มีความตั้งใจอยากถ่ายทอดแนวคิดและความรู้เพื่อความยั่งยืน โดยเรานำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่น่าสนใจ ผ่านเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นด้วยการลงมือทำ

คลิปวิดีโอ :: รายการคิดเพื่อชีวิตยั่งยืน การบริจาคอวัยวะ

อีกตัวอย่างของโครงการที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตคน: โครงการ Let Them See Love โครงการบริจาคอวัยวะ
ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เป็นพันธมิตรกับศูนย์ดวงตาและศูนย์รับบริจาคอวัยวะของสภากาชาดไทย โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนามนุษย์ในแง่ของ Health & Well Being ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้สังคม เพราะถ้าผู้ป่วยอวัยวะเสื่อมสภาพได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ก็จะกลับมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพ ครอบครัวมีความสุข เศรษฐกิจมั่นคง ส่งเสริมการสร้างสังคมที่ยั่งยืน

จากปีที่ 1 มีคนบริจาคอวัยวะเพียงหลักพัน ปัจจุบันโครงการนี้ทำมา 15 ปีแล้ว มีการบริจาคอวัยวะเพิ่มมากขึ้นจากหลักพันในอดีต เข้าสู่หลักแสนคนในปัจจุบัน ทางเครือเจริญโภคภัณพ์และกลุ่มทรูได้ใช้ช่องทางในการช่วยสื่อสารสร้างการรับรู้ นี่คือโครงการที่ทำเพื่อ Health & Well Being เป็นการส่งต่อความดีที่ยิ่งใหญ่ ส่งต่อการให้ไม่มีที่สิ้นสุด

สรุป

การตั้งเป้าหมายการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้น หากยึดตามกรอบที่เป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาภาวะวิกฤตที่โลกกำลังเผชิญอยู่ภายใต้ประเด็นทั้ง 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ ถือว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เดินหน้ามุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง

การพัฒนาสู่ความยั่งยืนดังกล่าว ไม่สามารถทำได้เพียงองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงลำพังแต่ยังต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากประชาชนทั่วประเทศ บริษัททุกแห่ง ผู้คนทั่วโลกให้มาช่วยกันผลักดันให้เกิดความยั่งยืนได้อย่างแท้จริงได้ เพื่อให้ผู้คนและโลกสามารถรับมือกับภาวะวิกฤตที่สร้างความท้าทายใหม่ๆ ได้ต่อไป

Cr. Brand Inside