ผู้บริหารซีพีนำทีมคนรุ่นใหม่ #Fightหมอกควัน เปิด “ศูนย์บริหารจัดการข้อมูลจุดความร้อน” ต้อนรับภาคประชาสังคม ชูระบบตรวจสอบย้อนกลับ พร้อมร่วมมือทุกภาคส่วน ยกระดับภาคการเกษตรสู่ความยั่งยืน

คุณจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ผู้บริหารสูงสุด ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมดร.สดุดี สุพรรณไพ รองกรรมการผู้จัดการด้านความยั่งยืนฯ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด-CPP คุณวรพจน์ สุรัตวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน)-BKP และทีมคนรุ่นใหม่จาก One Young World เครือซีพีในแคมเปญ “#Fightหมอกควัน พลังคนรุ่นใหม่ สร้างอากาศสะอาด เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” ร่วมให้การต้อนรับภาคประชาสังคม คุณเดโช ไชยทัพ นายกสมาคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาคเหนือ และคุณสมเกียรติ มีธรรม ผู้อำนวยการสถาบันอ้อผญา ในการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็น พร้อมเยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) ที่อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อศึกษาแนวทางการนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ตรวจจับจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรกรรม ในการยกระดับระบบตรวจสอบย้อนกลับของบริษัทในเครือซีพี

คุณจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ผู้บริหารสูงสุด ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึง ความสำคัญของระบบตรวจสอบย้อนกลับและนโยบายด้านความยั่งยืน ที่เครือซีพีโดยการนำของซีอีโอศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ให้ความสำคัญกับระบบการทำธุรกิจที่ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำจึงได้ทำงานเชิงรุก โดยได้ประกาศนโยบายชัดเจนว่า “ไม่รับซื้อ และไม่นำเข้าผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่รุกป่า และพื้นที่ที่มาจากการเผา” พร้อมทั้งพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ( Corn Traceability) ขึ้นมาใช้ในการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกิจการประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งในปัจจุบันระบบตรวจสอบย้อนกลับสามารถนำมาใช้ในไทยและขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ด้าน ดร.สดุดี สุพรรณไพ รองกรรมการผู้จัดการด้านความยั่งยืน ธุรกิจพืชครบวงจร CPP เผยถึง ระบบตรวจสอบย้อนกลับของกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีทั้ง CPP และ BKP ขณะนี้ได้มีการบูรณาการร่วมกัน เพราะปัญหาของสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องบูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วนแก้ไขกันอย่างจริงจัง เพราะหลักการทำธุรกิจของเครือซีพี มุ่งมั่นทำธุรกิจที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ โดยศูนย์บริหารจัดการข้อมูลจุดความร้อน เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานเชิงรุกในการตรวจจุดฮอตสปอตในพื้นที่การเกษตรเพื่อหาแนวทางลดการเผา และยกระดับภาคการเกษตรไทย รวมไปถึงยังได้ทำงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ซึ่งทาง CPP เป็นธุรกิจต้นน้ำ เราได้มีการสนับสนุนเกษตรกรในการเพาะปลูก พร้อมทั้งร่วมมือกับคู่ค้าในการสนับสนุนเกษตกร รวมไปถึงได้มีการถอดบทเรียนเพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงระบบฯ โดยร่วมมือกับยูนูสและมหาวิทยาลัยรังสิตในการถอดบทเรียนดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มีการทวนสอบย้อนกลับ ณ แปลงปลูก จากองค์กรภายนอกคือ คอนโทรลยูเนี่ยน เข้าไปทำการประเมินและทวนสอบย้อนกลับ ขณะเดียวกันได้มีการยกระดับมาตรฐานผ่านการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนในพื้นที่ร่วมด้วย ปัจจุบันได้ขยายระบบตรวจสอบทั้งในไทย พม่า โดยจะมีแผนต่อเนื่องไปลาว กัมพูชา และเวียดนาม

ล่าสุดทางกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรฯ ได้มีการประกาศ เป้าหมายการซื้อและขายเมล็ดพันธุ์ภายใต้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ 100% ของธุรกิจ พืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ และกลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ และเป้าหมายในประเทศเมียนมาให้ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับภายใต้ MCIA เพื่อส่งออกข้าวโพดไปยังประเทศไทย โดยได้มีการวางแนวทางปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน

ขณะที่คุณวรพจน์ สุรัตวิศิษฏ์ รองกรรมการผู้จัดการ กรุงเทพโปรดิ๊วส กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ขยายให้เห็นถึงแนวทางการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของซีพี โดยระบุว่า เครือซีพีเป็นเอกชนไทยรายแรกที่พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับมาใช้ในกลุ่มธุรกิจข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเกษตรกรที่มาลงทะเบียนต้องมี “เอกสารสิทธิ์“ ชัดเจนในการยืนยันพื้นที่เพาะปลูกว่าไม่มีการบุกรุกพื้นที่ป่า นอกจากนี้เครือฯ ได้มีห้องปฏิบัติการตรวจสอบย้อนกลับ รายงานจุดความร้อนในแปลงข้าวโพดซีพี ผ่านการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการระบุพิกัดพื้นที่ปลูกข้าวโพด ซึ่งได้พัฒนาระบบให้สามารถตรวจจับแปลงเผา ติดตามจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในแปลงข้าวโพดของเกษตรกรที่จำหน่ายผลผลิตให้บริษัทผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งหากเกษตรกรมีการเผาในพื้นที่ๆจดทะเบียน ทางบริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและหยุดซื้อจากแปลงที่เผาทันที

นอกจากนี้เราได้มีการแชร์ข้อมูลฮอตสปอตให้กับคู่ค้า เพื่อทำการติดตามเกษตรกรร่วมด้วย ขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ได้มีการถ่ายทอดความรู้ภายใต้โครงการ เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน ไปพร้อมการเปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนการเผาแปลงข้าวโพดผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับและแอปพลิเคชั่น ฟ.ฟาร์ม ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ เครือซีพีพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนผลักดันระบบตรวจสอบย้อนกลับให้เป็นมาตรฐานที่ภาคการเกษตรนำระบบไปปรับใช้ เพื่อให้เกิดมาตรการและแรงจูงใจในการยกระดับภาคการเกษตรของไทยให้เกิดความยั่งยืน

คุณภัทราภรณ์ พลอยวิเลิศ คนรุ่นใหม่ One Young World จากเครือซีพี ในฐานะผู้แทนทีม #Fightหมอกควัน มองว่าระบบตรวจสอบย้อนกลับของเครือซีพีได้มีการนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ตรวจสอบในพื้นที่แปลงของเกษตรกรโดยตรง ซึ่งทำให้เกิดความโปร่งใสในการรับซื้อ และเห็นว่าเป็นระบบที่นำไปใช้ได้จริง และมองว่าควรนำระบบตรวจสอบย้อนกลับไปใช้ในกลุ่มธุรกิจต่างๆเพิ่มขึ้น เพราะถ้าทุกคนช่วยกันจะเกิดแรงกระเพื่อมขยายวงสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น ทั้งนี้ในฐานะตัวแทนทีม #Fightหมอกควัน จะเป็นกระบอกเสียงของเครือฯ ในการสร้างการรับรู้แนวทางระบบตรวจสอบย้อนกลับของเครือฯ ไปสู่วงกว้างมากขึ้นทั้งการสื่อสารในเครือฯและออกสู่สาธารณชน

สำหรับศูนย์บริหารจัดการข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรกรรม จุดเด่นคือการใช้ข้อมูลจากระบบ VIIRS (Visible Infrared Imaging Radiometer Suite) ที่ติดตั้งบนดาวเทียม Suomi NPP NOAA-20 NOAA-21 มาใช้ตรวจติดตามจุดความร้อน ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการดึงข้อมูลจากระบบ FIRMS ของ NASA มาประมวลผลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความแม่นยำสูง ปัจจุบันเครือซีพี โดย CPP ได้ ติดตามข้อมูลจุดความร้อนได้วันละ 2 ครั้ง และมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ครอบคลุม 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เมียนมา เวียดนาม ลาว และกัมพูชา

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามสถานการณ์ จุดความร้อนได้แบบเรียลไทม์ ได้ทาง https://sgc.cptg.co.th/en/hotspot-report