ทำความรู้จักกับ “Metaverse” อีกหนึ่งร่างใหม่ของโลกในอนาคตที่น่าจับตามอง!

ทำเอาทั้งโลกตื่นตัวไปตาม ๆ กัน หลัง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ส่งคำทักทายแรก.. Hello, Meta”.. ภายหลังเขาประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท facebook ให้กลายเป็น “Meta” อย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

แน่นอนว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมส่งผลให้โลกไอทีเกิดความตื่นตัวพร้อมทั้งยังจับตามองโลกของ “Metaverse” เป็นอย่างมาก…

แล้ว “Metaverse” คืออะไร?

จุดเริ่มต้นของคำว่า “Metaverse” ปรากฏครั้งแรก ในหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง “Snow Crash” ของ Neal Stephenson นักเขียนชาวอเมริกัน ในปี 1992 ซึ่งเล่าเรื่องราวของโลกยุคอนาคต ที่มนุษย์และคอมพิวเตอร์ตอบโต้กันผ่านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่โลกเสมือนจริงที่ล้ำสมัย เกินจินตนาการของคนยุค 90’s กล่าวได้ว่านวนิยายเรื่อง Snow Crash ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสู่การสร้างโลก Metaverse ในปัจจุบัน…

Metaverse แปลว่าอะไร?

คำว่า “Metaverse” มาจากคำว่า Meta ที่แปลว่า “เหนือกว่า, พ้น, เกินขอบเขต” กับคำว่า Universe ที่แปลว่า “จักรวาล” ดังนั้นหากแปลตรงตัว Metaverse ถึงหมายโลกที่พ้นขอบเขตไปแล้ว หรือ จักรวาลที่พ้นขอบเขตที่เรารู้จัก แต่ในทางปฏิบัติ คำว่า “Metaverse” กลับเป็นการเรียกโลกเสมือนจริงที่พาผู้คนหรือผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมและดื่มด่ำไปกับความสนุกอีกโลกหนึ่ง ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เหมือนเราอยู่อีกโลกนึง ใช้ชีวิตคล้ายกับอยู่บนโลกความเป็นจริง โดยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (VR) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (AR)

ที่มาของแนวคิด “Metaverse”

 Jason Rubin เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Naughty Dog ในปี 1986 และโด่งดังในฐานะผู้สร้างเกม Crash Bandicoot เขาลาออกจาก Naughty Dog ในปี 2004 แล้วไปทำงานกับ THQ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนมาร่วมงานกับ Oculus ในปี 2014 จนถึงปัจจุบัน (ตำแหน่งปัจจุบันคือ VP Metaverse Content)

วิสัยทัศน์ของ Rubin ได้วาดภาพ “Metaverse” ออกมาเป็นการใช้ชีวิตในเมืองเสมือนจริง แต่งตัวอวตารของตัวเองได้ มีสกุลเงินเสมือน และเมื่อเจอกับคนอื่นที่น่าสนใจก็สามารถแต่งงานกันได้

ปัจจุบันมีบริษัทไหนบ้างที่ใช้เมตาเวิร์ส

แนวคิดของเมตาเวิร์ส ได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มนักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ ที่กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของก้าวที่ยิ่งใหญ่นี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าจะพยายามเปลี่ยนบริษัทโซเชียลมีเดียให้กลายเป็นบริษัทเมตาเวิร์ส ในอีกห้าปีข้างหน้า

เมตาเวิร์ส ยังเป็นที่นิยมในซิลิคอน วัลเลย์ โดยที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ ได้กล่าวถึงว่าเป็นการบรรจบกันระหว่างโลกดิจิทัลและโลกความเป็นจริง

เกมสำหรับเด็กยอดนิยมอย่าง Roblox ซึ่งเปิตตัวในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อเดือนมีนาคม ได้เรียกตัวเองว่าเป็นบริษัทเมตาเวิร์ส ด้ามเกม Fortnite ของบริษัท Epic Games ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมตาเวิร์สเช่นกัน

“นักดนตรีสามารถจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริงได้ภายในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน ผู้คนกว่าล้านคนได้รับชมคอนเสิร์ตของนักร้องหญิง Ariana Grande ซึ่งถูกแสดงอย่างเสมือนจริงในเกม Fortnite”

นอกจากนี้ บริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกเองก็ได้ลองทำเสื้อผ้าเสมือนจริงด้วย ซึ่งร่างจำลองของผู้คนสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ในโลกเมตาเวิร์ส

เราจะเข้าสู่โลก Metaverse ได้อย่างไร?

 เราสามารถเข้าถึงโลก Metaverse ได้ผ่านอุปกรณ์ 3 รูปแบบ

1.การใช้แว่น Oculus เพื่อให้เข้าถึงโลกของ VR (Virual Reality) ทำให้เห็นภาพ 3 มิติ แบบเต็มตาในมุมมอง 360 องศา ซึ่งสามารถสัมผัสโลกเสมือนจริงได้มากที่สุด แต่ราคาอยู่ประมาณหลักหมื่นขึ้นไป โดยอุปกรณ์ Oculus ดีๆก็ประมาณ 20000 บาทแล้ว

2.ใช้แว่น Ray-Ban หรือแว่นอื่น ๆ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือถ่ายภาพและคลิปวิดีโอสั้นๆ แล้วแชร์ไปยังแอพโซเชียล นอกจากนี้สังแสดงผลการนำทางแผนที่ สภาพอากาศ ข่าวสาร เช็กโซเชียลมีเดียผ่าน AR บนตัวแว่นได้ด้วย ปัจจุบันราคาหลักพันถึงหลักหมื่นบาท และมีขายเฉพาะต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา

3.ใช้งานผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ผ่านแอพที่รองรับการทำงานเชื่อมต่อกับโลกเสมือน แม้อุปกรณ์ทำให้เราสัมผัสโลกเสมือนจริงได้น้อย แต่ก็สัมผัสกับโลกเสมือนจริงได้เช่นกัน เข้าถึงง่ายผ่านอุปกรณ์ทั่วไปที่เรามีอยู่นี่เอง

ทำไม “Metaverse” ถึงได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว?

เพราะในขณะที่ผู้คนโต้ตอบกันทางออนไลน์โดยการไปที่เว็บไซต์ เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือการใช้แอพพลิเคชั่นรับส่งข้อความ ในทางกลับกัน แนวคิดของ “Metaverse” คือ การสร้างพื้นที่ออนไลน์ใหม่ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนจะสามารถมีหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถดำดิ่งไปกับโลกดิจิทัลได้มากกว่าเพียงแค่การนั่งดู

ความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมตาเวิร์สนี้ เห็นได้จากผลลัพธ์ของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เมื่อผู้คนต้องทำงานหรือเรียนผ่านทางออนไลน์ ความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ให้เสมือนชีวิตจริงก็มากขึ้นตามไปด้วย…

Metaverse มีประโยชน์อย่างไร?

หลายๆคนอาจจะมองว่า Metaverse เป็นเรื่องเล่นๆของวงการเกมหรือทำเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ในอันที่จริง ยังมีการนำมาใช้ในแวดวงต่างๆ

ด้านการแพทย์ : ใช้ในการผ่าตัดทางไกล, จำลองการผ่าตัดเสมือนจริง

ด้าน e-commerse : ใช้ในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์, จำลองใช้สินค้าโดยไม่ต้องไปที่ร้านค้า

ด้านการลงทุน : ใช้ในการซื้อสินค้า NFT ออนไลน์, เทรดคริปโตฯ

ด้านวิศวกรรม : ใช้ในการออกแบบหุ่นยนต์, ออกคำสั่งทางไกลในการปฏิบัติงาน…

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้บริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Facebook, Microsoft, Tencent แม้แต่บางบริษัทในประเทศไทยเอง ก็ประกาศดันตัวเองสู่โลก Metaverse กันแล้ว แต่ถึงแม้หลายๆ คนอาจจะยังมองภาพไม่ออก ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..

แต่เชื่อเถอะว่า ในอนาคต “Metaverse” จะกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราคุ้นชิน เหมือนในอดีต ที่การสื่อสารใช้เพียงแค่จดหมาย พัฒนากลายเป็นโทรศัพท์ มาจนถึงสมาร์ทโฟน ที่สามารถย่อโลกของเราให้ใกล้กันแค่เพียงปลายนิ้วเท่านั้น…

ขอบคุณภาพจาก @Meta…

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/438235/