จับตาตลาด“สหรัฐ-อียู-จีน” สัญญาณส่งออกไทยชะลอตัว / “นิสสัน มอเตอร์” เข้าซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ / “เซ็นทรัล” ขยายอาณาจักรยึดผู้นำ “อีคอมเมิร์ซ-ห้างหรู” โลก

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจไทย

จับตาตลาด“สหรัฐ-อียู-จีน” สัญญาณส่งออกไทยชะลอตัว

  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินเป้าส่งออกของประเทศไทยทั้งปีอยู่ที่ 6-8 % ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจตลาดคู่ค้า สหรัฐ-อียู-จีน ชะลอตัว โดยมี 4 ปัจจัยเสี่ยงได้แก่
  • 1.) อัตราเงินเฟ้อโลกที่ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง ประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉลี่ย 6.6% และประเทศกำลังพัฒนา 9.5% ส่งผลต่อค่าครองชีพ และกำลังซื้อผู้บริโภค 2.) ราคาพลังงานสูง จากข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซีย ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประกอบการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าภายในประเทศ 3.) สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวในระดับสูง และ 4.) ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็ก ธัญพืช (กรุงเทพธุรกิจ)

ธุรกิจยานยนต์

“นิสสัน มอเตอร์” เข้าซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่

  • นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยการเข้าซื้อหุ้นบริษัท Vehicle Energy Japan ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฮบริด การลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้นิสสันสามารถจัดหาผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่ที่มีความเสถียรและมีส่วนช่วยในการพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นต่อไปที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งในด้านประสิทธิภาพและต้นทุน (รอยเตอร์)

ธุรกิจค้าปลีก

“เซ็นทรัล” ขยายอาณาจักรยึดผู้นำ “อีคอมเมิร์ซ-ห้างหรู” โลก

  • หลังปิดดีลซื้อกิจการ “เซลฟริดเจส” มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท กลุ่มเซ็นทรัลทะยานสู่ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลก ด้วยเครือข่ายกิจการครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้กว่า  6.7 พันล้านยูโร หรือ 2.6 แสนล้านบาท และมุ่งหน้าลงทุนในการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าปัจจุบันในหลายเมือง เช่น คาเดเว โกลบุส และรีนาเชนเต และพัฒนาบริการผ่านออมนิแชแนล ด้วยงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า 13,630 ล้านบาท หรือ 2,726 ล้านบาทต่อปี (75 ล้านยูโร/ปี) นอกจากนี้ทุ่มงบอีกว่า 32,723 ล้านบาท (900 ล้านยูโร) เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ 3 ประเทศ เยอรมนี ออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ (กรุงเทพธุรกิจ)