ภาวะเงินเฟ้อกระทบค่าเงินบาท และราคาสินค้าและบริการ

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center)ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ

ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาททะลุ 35 บาท/ดอลลาร์ ทุบสถิติอ่อนค่าสุดรอบ 5 ปี (กรุงเทพธุรกิจ)

  • เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 35.05 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.98 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินอื่นในภูมิภาค
  • นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินกรอบความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในระยะสั้นยังคงต้องเผชิญแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความเสี่ยงของภาวะสงคราม อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าอาจส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์

เศรษฐกิจในประเทศ

พาณิชย์ตรึงราคา 51 ‘สินค้า-บริการ’ 1 ปี (กรุงเทพธุรกิจ)

  • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วันนี้ มีมติต่ออายุ มาตรการตรึงราคาสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการ 5 รายการ ที่จะหมดอายุ ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ไปอีก 1 ปี ซึ่งเป็นกลไกปกติที่จะต้องมีการพิจารณาเมื่อครบกำหนด โดยยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องควบคุมราคาสินค้า และตรึงราคาไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
  • สินค้าและบริการที่อยู่ในข่ายตรึงราคา เช่น ผลิตภัณฑ์กระดาษ ยางรถยนต์ ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช รถเกี่ยวข้าวไถนา อาหารสัตว์ ก๊าซ็และน้ำมันเชื้อเพลิง เวชภัณฑ์ ปูน เหล็กก่อสร้าง ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม มะพร้าว ยางพารา สบู่แชมพู​ ผงซักฟอก ไข่ไก่ นมผง น้ำมันประกอบอาหาร เนื้อหมู เป็นต้น

การลงทุน

ปธน.เยอรมนี เดินทางเยือน อินโดนีเซีย เชื่อมความสัมพันธ์ทวิภาคี (กรุงเทพธุรกิจ)

  • ประธานาธิบดีฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ได้เข้าพบประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและได้หารือด้านเศรษฐกิจ โดย ปธน. วิโดโด กล่าวว่าได้เชิญชวนเยอรมนีตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในอินโดนีเซีย รวมทั้งเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด
  • ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนด้านแบตเตอรี่ เช่น แอลจี แอมเพเร็กซ์เทคโนโลยี เทสล่า และฮุนได นอกจากนี้ ผู้นำอินโดนีเซียยังมีแผนเดินทางเยือนรัสเซีย เพื่อเข้าพบ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าเกี่ยวข้องการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่จะจัดขึ้นที่บาหลีช่วง 15-16 พ.ย. นี้ ซึ่งอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพ