ประเทศต่าง ๆ ลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์สหรัฐ เรียกร้องค้าขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่น / LVMH ยักษ์ใหญ่สินค้าหรูหรา เป็นบริษัทแรกในยุโรปที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 5 แสนล้านดอลลาร์ / ผู้ว่าแบงก์ชาติห่วงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น บั่นทอนเสถียรภาพประเทศ

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ประเทศต่าง ๆ ลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์สหรัฐ เรียกร้องค้าขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่น

  • ประเทศต่าง ๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่บราซิลไปจนถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเรียกร้องให้ดำเนินการค้าขายในสกุลเงินอื่นเช่นสกุลเงินท้องถิ่น นอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น
  • เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศของสหรัฐ ส่งผลให้ ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินทุนไหลออกของสกุลเงินของตนเอง
  • อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลกจะลดลงจาก 70% ในปี 2542 สู่ 58.36% ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว แต่สัดส่วนยังสูงมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น โดยสกุลเงินยูโร คิดเป็นประมาณ 20.5% ในขณะที่เงินหยวนของจีนมีสัดส่วนเพียง 2.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • ด้านนักวิเคราะห์ชี้ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกกำลังผลักดันแนวโน้มการลดค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในหลายๆ ด้าน ช่วยให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสมดุลกับความเสี่ยง มีทางเลือกมากขึ้นในการลงทุน มีความแน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับรายได้และยอดขาย (ซีเอ็นบีซี)

เศรษฐกิจยุโรป

LVMH ยักษ์ใหญ่สินค้าหรูหรา เป็นบริษัทแรกในยุโรปที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 5 แสนล้านดอลลาร์

  • LVMH บริษัทแม่ของ Louis Vuitton รวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Givenchy, Bulgari และ Sephora รายงานว่ายอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 17% เมื่อต้นเดือนนี้ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า
  • หุ้น LVMH ทำสถิติสูงสุด และพุ่งสูงสุดอีกครั้งในวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 32.8% ตั้งแต่ต้นปี
  • บริษัทกล่าวว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน เนื่องจากการกลับมาของการเดินทางทำให้ผู้ใช้จ่ายระดับไฮเอนด์กลับมา และเป็นความหวังของการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวจีน (ซีเอ็นบีซี)

เศรษฐกิจไทย

ผู้ว่าแบงก์ชาติห่วงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น บั่นทอนเสถียรภาพประเทศ

  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวว่า พรรคการเมืองต่างๆ ของประเทศกำลังพยายามโน้มน้าวใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยนโยบายที่อาจบั่นทอนสุขภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ
  • พร้อมกล่าว “นโยบายใดๆ ที่กระทบกระเทือนวินัยการเงินการคลัง สร้างอันตรายทางศีลธรรม ทำลายวัฒนธรรมเครดิต จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยง และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการรักษาเสถียรภาพของเรา”
  • การฟื้นตัวของไทยดูมีเสถียรภาพ และการขยายตัวของ GDP ที่ 3.6% เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับระดับศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจไทย บริบทเศรษฐกิจเราในตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ในโหมดกระตุ้นเหมือนช่วง  โควิด แต่เป็นโหมดปรับนโยบายกลับสู่ภาวะปกติ หรือ Policy Normalization
  • พร้อมแนะพรรคการเมืองไม่ควรทำนโยบายในลักษณะเหวี่ยงแห  เพราะแม้ทุกคนจะได้ประโยชน์ แต่คนที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือก็จะได้ด้วย ควรเอาเงินไปใส่ให้กลุ่มคนที่จำเป็นจริงๆ (กรุงเทพธุรกิจ)