‘เนสท์เล่’ รับขึ้นราคาสินค้า 10% / ธุรกิจคลาวด์ของ Google กำไรครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ / ธปท.ยันเสถียรภาพเหนือมาตรการกระตุ้น

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจ

‘เนสท์เล่’ รับขึ้นราคาสินค้า 10%

  • ในช่วงไตรมาสแรกเนสท์เล่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้า 9.8% โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อ
  • จากการปรับราคาส่งผลให้ยอดขายเติบโต 5.6% โดยมีรายได้ 2.648 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นับจากปริมาณการขายซึ่งเป็นการเติบโตภายในที่แท้จริงจะ ลดลง 0.5% ขณะในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทปรับขึ้นราคาสินค้า 8.2% ขณะที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 0.1%
  • เนสท์เล่ยังคงเห็นการเติบโตในกลุ่มของกาแฟอย่าง Nescafe, Nespresso และแบรนด์ Starbucks โดยมีการเติบโตเกือบแตะ 2 หลัก และยอดขายกลุ่มขนมและช็อคโกแลต Kitkat จะเติบโตขึ้น 2 หลัก (ซีเอ็นบีซี)

เทคโนโลยี

ธุรกิจคลาวด์ของ Google กำไรครั้งแรกเป็นประวัติการณ์

  • Google เป็นอันดับสามในตลาดคลาวด์ของสหรัฐฯ รองจาก Amazon และ Microsoft  และได้ทุ่มเงินเพื่อแข่งขันกับรายใหญ่ทั้งสองจนในที่สุดGoogle มีกำไรในคลาวด์หลังจากขาดทุนมานานกว่าสามปีซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 191 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วขาดทุนที่ 706 ล้านดอลลาร์
  • ธุรกิจระบบคลาวด์ประกอบด้วย Google Cloud Platform และ Google Workspace คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet ซึ่ง Google พยายามแย่งชิงลูกค้าจากองค์กรขนาดใหญ่และหน่วยงานรัฐบาล
  • เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Alphabet ได้ปรับปรุงรายได้จากการดำเนินงานสำหรับระบบคลาวด์ ส่งผลให้ตัวเลขขาดทุนในระบบคลาวด์ลดลงในปี 2564 และ 2565 ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายที่ช่วยเหลือผู้ใช้ซึ่งนับเป็นค่าใช้จ่ายขององค์กรที่ไม่ได้ปันส่วน (ซีเอ็นบีซี)

เศรษฐกิจไทย

ธปท. ยันเสถียรภาพเหนือมาตรการกระตุ้น

  • ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวว่าเศรษฐกิจได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยว ธปท.คาด GDP ปี 2566 โต 3.6% จากในช่วงที่แย่ที่สุด คือปี 2563 จำนวนผู้ว่างงานและผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 6.2 ล้านคน แต่ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 2.6 ล้านคนในไตรมาสที่สี่ของปี 2565
  • ประเทศไทยต้องการนโยบายเศรษฐกิจที่สนับสนุนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยตั้งข้อสังเกตว่านโยบายประชานิยมหลายอย่าง จากพรรคการเมืองต่างๆส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น
  • ภาคการส่งออกคาดว่าได้รับผลกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกจะลดลง 7.1% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และเติบโต 4.2% ในช่วงครึ่งหลัง รวมถึงการเปิดประเทศจีนจะส่งผลดีต่อประเทศไทยภาคบริการ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อของไทยลดลงมาอยู่ในกรอบของธนาคารกลางที่ 2.9% (บางกอกโพสต์)