ท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ในฐานะดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้รับเกียรติขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Future Thailand: Next Growth” ภายในงาน “Chula Thailand Presidents Summit 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นเวทีรวมผู้นำองค์กรระดับประเทศจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต งานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ศ.(พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาฯ และ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมให้การต้อนรับ ภายในงานยังมีคณะผู้บริหารจากเครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าร่วมฟังอย่างคับคั่ง อาทิ คุณณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส คุณวรรณี เจียรวนนท์ รอสส์ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ซีอีโอซีพีเอฟ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร และประธานคณะผู้บริหารยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร และคุณหวง เหวยเหว่ย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนากลยุทธ์และความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้น ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นเวทีสำคัญที่รวมผู้นำจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ในปาฐกถาของท่านประธานอาวุโสฯ ได้เน้นย้ำถึง 3 แกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การท่องเที่ยว การศึกษา และเกษตรกรรม
1. การท่องเที่ยว: เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจไทย รัฐบาลควรมีงบประมาณและเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะการเจาะจงกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่ต้องการเดินทางมายังประเทศไทย” ท่านประธานอาวุโสธนินท์กล่าว พร้อมเสนอว่า ประเทศไทยควรพัฒนา แผนแม่บทการท่องเที่ยว ที่มีความชัดเจน ครอบคลุมตั้งแต่การยกระดับความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ

2. การศึกษา: ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางมหาวิทยาลัยโลก
ประเทศไทยควรตั้งเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการศึกษาโลก ดึงดูดนักศึกษาจากต่างประเทศเข้ามาเรียนในไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ของประเทศในระดับเดียวกับการท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายบุคลากรคุณภาพที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกล” ท่านธนินท์กล่าว นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนวคิดให้ปฏิรูปการศึกษาในประเทศ โดยให้ความสำคัญกับแนวทาง “เรียนไปทำงานไป” ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนไทยสามารถจบการศึกษาพร้อมกับมีทักษะในการทำงานจริง รวมถึงตั้งคำถามว่า “ทำไมเด็กไทยต้องรอถึงอายุ 22 ปีจึงจะจบปริญญาตรี ในขณะที่ระบบการศึกษาสามารถออกแบบให้จบมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 18 ปีได้
3. เกษตรกรรม: จุดแข็งของไทยที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามายกระดับ
ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านเกษตรกรรม เนื่องจากไม่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงเหมือนหลายประเทศ แต่ยังขาดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เสนอว่า “รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณมาใช้ในการพัฒนา ระบบชลประทาน อย่างจริงจัง แทนที่จะเน้นการสร้างถนนเพียงอย่างเดียว หากจัดการน้ำได้ดี ผลผลิตทางการเกษตรของไทยสามารถเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่า เกษตรกรรมไทยต้องเข้าสู่ยุค “Smart Farming” โดยใช้ โดรน AI IoT และเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารในระดับสากล “ทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อาหารต้องอาศัยเทคโนโลยี ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงมือผู้บริโภคมีคุณภาพสูงสุด”
แนวคิดดึงดูดบุคลากรคุณภาพจากทั่วโลก
ท่านประธานอาวุโสธนินท์ยังกล่าวถึงแนวทางการพัฒนากำลังคนว่า ประเทศไทยควรดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศ มาเสริมศักยภาพแรงงานในประเทศ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์สามารถดึงดูดบุคลากรชั้นนำจากทั่วโลก “ไทยสามารถดึงดูด อัจฉริยะจากต่างประเทศ 5 ล้านคน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศ ในขณะเดียวกัน เราต้องส่งเสริมให้คนไทยมีความรู้และทักษะที่แข่งขันได้ในระดับโลก ซึ่งต้องอาศัยทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน”
ท่านประธานอาวุโสธนินท์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของภาคเอกชนและรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยว่า ภาคเอกชนต้องมีบทบาทสำคัญในการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะหากประชาชนไม่มีรายได้ ก็จะไม่มีพลังซื้อมากพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “นักธุรกิจต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนรวยขึ้น เพราะหากประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ภาคธุรกิจก็ไม่สามารถเติบโตได้” พร้อมเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายและนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างเต็มที่
งาน “Chula Thailand Presidents Summit 2025” ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมความคิดเห็นและวิสัยทัศน์จากผู้นำองค์กรระดับประเทศ รวมถึงนักวิชาการและภาครัฐ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
#ChulaThailandPresidentsSummit2025 #วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนประเทศ #CP #ThailandNextGrowth