“คุณศุภชัย เจียรวนนท์” ซีอีโอเครือซีพี ขึ้นเวทีบรรยายพิเศษหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง TEPCIAN รุ่นที่ 3 แนะการทำธุรกิจต้องเน้นลงทุน “คน-ดิจิทัล” จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ยุค 5.0

4 สิงหาคม 2566 – คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “The World OF 5.0 ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุค 5.0”  ให้กับโครงการ “หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจจีน Top Executive Program on China Business Insights and Network (TEPCIAN) รุ่นที่ 3 ของมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

โดยมี คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการหลักสูตร TEPCIAN พร้อมด้วย รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผศ.ดร.กิตติศักดิ์ เกิดอรุณสุขศรี ผู้บริหารหลักสูตร TEPCIAN มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รศ.ดร.บุรินทร์ ศรีสมถวิล กรรมการและเลขานุการหลักสูตร TEPCIAN  และผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและสมาคม เข้าร่วมฟังการบรรยายอย่างคับคั่ง ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้หลักสูตรดังกล่าวเน้นให้องค์ความรู้ผ่านการเชิญผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในวงการธุรกิจการค้ามาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพื่อเป็นองค์ความรู้และโอกาสที่นักธุรกิจไทยเสริมสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างประเทศ

โอกาสนี้ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ฉายภาพการขับเคลื่อนประเทศและธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาประเทศให้ทันต่อความท้าทายของโลก เพราะเราหยุดความก้าวหน้าของโลกไม่ได้ ประเทศต้องมีการปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงให้ทันอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้หากดูจากอันดับการแข่งขันในเวทีโลก GDP ไทยอยู่อันดับที่ 26 แต่ GDP/CAPITA อยู่อันดับที่ 84  ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของไทยในการผลักดันด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยสิ่งสำคัญในจำเป็นต้องพัฒนากรอบความคิดของคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งในตอนนี้ไทยมีสตาร์ทอัพเพียง 1,000 บริษัทน้อยกว่าสิงคโปร์ 55 เท่า เราต้องตั้งเป้าหมายของประเทศไทยภายในช่วง 3 ปีจะต้องมีสตาร์ทอัพเพิ่มเป็น 20,000 บริษัท สิ่งสำคัญคือการต้องเสริมทักษะด้านดิจิทัลให้คนและการยกระดับ R&D ด้านเทคสตาร์อัพ

การขับเคลื่อนของประเทศและธุรกิจสู่ยุค 5.0 ต้องให้ความสำคัญด้านการการท่องเที่ยว และ Soft Power  ด้วยการสร้างแบรนด์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว  โดยจะต้องมีการลงทุนใช้สื่อในการสร้างแบรนด์ดึงการท่องเที่ยว รวมไปถึงเราจะต้องมีการปฏิรูปเกษตร ให้ไทยเป็น Food Security Hub ของโลกได้ต้องมีการจัดการชลประทานในการทำการเกษตรเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถจัดตั้งเป็นวิสาหกิจ หรือสหกรณ์ขึ้นมา ให้เกิดเป็นองค์กรที่สามารถต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงได้ นอกจากนี้จะต้องมีการผลักดันด้านการผลิตและการส่งออก โดยการเร่งเจรจา FTA เพื่อช่วยส่งออกของประเทศ ซึ่งหากเร่งทำจะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตในระดับภูมิภาค พร้อมกับการสนับสนุนเงินทุน SME และช่วยให้ความรู้เพื่อให้ทันต่อยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น การสร้างสมาร์ทซิตี้ โดยต้องความสำคัญในการส่วนของการผลักดันรถ EV ให้ไทยเป็นฮับให้ได้ รวมไปถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการสร้างแลนด์บริดจ์ เส้นทางขนส่งเชื่อมหลายประเทศ ซึ่งไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางขนส่งโลจิสติกส์ระดับโลก เกิดโลจิสติกส์ฮับ ไฟแนนซ์เชียลฮับ ทุกอย่างจะวิ่งมาที่ไทย กองทุนจะมา เกิดสตาร์ทอัพ ซึ่งจะทำให้ไทยเดินไปสู่ 5.0

คุณศุภชัย เน้นย้ำว่า ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อการพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างขีดความสามารถให้แก่ประเทศไทย ทำให้ไทย Tech Hub คนไทยและธุรกิจไทยจะโตอย่างแข็งแกร่ง สิ่งเร่งด่วนที่ต้องผลักดันคือการพัฒนาคนต้องเสริมทักษะดิจิทัล ที่ควรจะต้องปฏิรูปการศึกษา หรือ Education Reform ด้วยการผลักดันให้หลักสูตรเรื่องเทคโนโลยีในการศึกษามาเป็นวิชาภาคบังคับเน้นการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ และ Computer Science เป็นวิชาหลัก พร้อมกับปลูกฝังคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยีควบคู่กัน  นอกจากนี้จะต้องพัฒนาศักยภาพการเป็น Innovation Cluster สำหรับผู้ประกอบการและนักวิจัยไทย ตลอดจนผลักดันนโยบายเร่งด่วนเพื่อดึงดูดการลงทุนและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับสร้างความเป็นอยู่ทีดีให้ผู้คนในประเทศด้วย 3 เสาหลักของความยั่งยืนคือสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

“การขับเคลื่อนธุรกิจและพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ หรือ Inclusive Capital คำตอบสำคัญอยู่ที่การลงทุนในคนและดิจิทัลเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ และพัฒนาทักษะให้เป็นนักค้นคว้าวิจัย  มีความรู้ด้านเทคโนโลยี เสริมทักษะด้านดิจิทัล และต้องเป็นคนที่มองปัญหาเป็นอาหารสามมื้อ พร้อมปรับตัวรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการพัฒนาคนและดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญ เป็นจุดที่จะเปลี่ยนประเทศไทยเข้าสู่ยุค 5.0” คุณศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้คุณศุภชัย ได้ปิดท้ายว่า ในชีวิตคนเรามักให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชีวิตและความฝันของเราเสมอ แต่เรามักจะลืมไปว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ที่ทำให้เกิดความมั่นคงและพลังที่ช่วยทำความฝัน อันยิ่งใหญ่ของเราให้สำเร็จได้จริงๆ คือ รักแท้ (ความเห็นอกเห็นใจ ) รักแท้ทำให้เราเห็นและ ยอมรับในความแตกต่าง เชื่อมเราเข้ากับ ความเป็นจริงและทุกสิ่งทุกอย่างได้ซึ่งรวมไปถึงตัวตนที่แท้จริงของเรา และช่วยให้เราสนุกไปกับชีวิต ที่แสนงดงามนี้ได้ด้วยกัน