คุณนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือซีพี พร้อมตัวแทนจากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เข้าเยี่ยมชมการจัดการ Food Surplus และ Food Waste ของมูลนิธิสโกลาร์ส ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ มูลนิธิ SOS

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา คุณนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณสมเจตนา ภาสกานนท์ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาความยั่งยืน สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยตัวแทนจากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ อาทิ คุณสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย คุณอาคม อาจแสง ผู้จัดการทั่วไป สำนักบริหารความยั่งยืนองค์กร บมจ. ซีพี ออลล์ พร้อมคณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิสโกลาร์ส ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือมูลนิธิ SOS ด้านการจัดการ Food Surplus และ Food Waste โดยมี มร. เจมส์ เลย์สัน Managing Director มูลนิธิ SOS ให้การต้อนรับ


ในโอกาสนี้ คุณนพปฎล เดชอุดม ได้ร่วมพูดคุยพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจในเครือฯ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น ซีพีเฟรช โลตัส และ ซีพีเอฟ ได้ร่วมสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบอาหารส่วนเกินจากการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นอาหารปรุงสุก ขนมปัง รวมไปทั้งผักและผลไม้ต่าง ๆ ส่งมอบให้มูลนิธิฯ เพื่อนำไปส่งมอบต่อแก่ชุมชนกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศไปแล้วจำนวน 566 ชุมชน ประกอบด้วย คนไร้บ้าน 8 ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ 15 แห่ง สถานสงเคราะห์ 25 แห่ง ผู้มีรายได้น้อย 395 ชุมชน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 22 แห่ง และองค์กรการกุศลอีก 101 แห่ง ซึ่งกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของเครือฯ ในเรื่องของ Food Waste และการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางให้ได้เข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ช่วยลดภาวะการขาดแคลนอาหาร

มร. เจมส์ เลย์สัน ได้กล่าวถึงความเป็นมาของมูลนิธิ SOS ในประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 โดยคุณ โบ เฮช โฮลม์กรีน เพื่อส่งเสริมระบบการกระจายอาหารในประเทศ ลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น และสร้างความเท่าเทียมให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน โดยได้แจกจ่ายอาหารส่วนเกินซี่งมีคุณภาพสูงจากธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร เช่น โรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และผู้ประกอบการต่าง ๆ ให้แก่ชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือในกรุงเทพฯ ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ และจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศเป็นประจำทุกวัน มร. เจมส์ เลย์สัน ยังได้กล่าวอีกว่า มูลนิธิได้รับบริจาคอาหารส่วนเกินจากกลุ่มธุรกิจในเครือซีพี จำนวน 217 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต เป็นอาหารส่วนเกินจำนวนกว่า 773.28 ตัน ซึ่งอาหารที่ได้รับมานี้สามารถนำส่งให้แก่ชุมชนที่เดือดร้อนและเข้าถึงอาหารได้ยากกว่า 2.9 ล้านมื้อ