“ประกอบฟาร์ม” มั่นใจทำธุรกิจเคียงคู่กับแม็คโคร ช่วยสร้างโอกาสเพิ่มช่องทางขยายตลาดให้กลุ่มเกษตรกรไทย

“ประกอบฟาร์ม” เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม มั่นใจทำธุรกิจเคียงคู่กับแม็คโคร ชี้เริ่มธุรกิจจากการที่แม็คโครช่วยรับซื้อผลผลิตตอนประสบวิกฤตส่งออก จนถึงปัจจุบันเป็นคู่ค้าเอสเอ็มอีขนาด S ขายกุ้งก้ามกรามผ่าน 100 สาขาแม็คโครทั่วไทย ประเด็นซีพีควบรวมโลตัสไม่เป็นปัญหา แถมสร้างโอกาสเพิ่มช่องทางการขยายตลาดให้กลุ่มเกษตรกรไทย

คุณประกอบ ทรัพย์ยอดแก้ว นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย /เจ้าของฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม “ประกอบฟาร์ม” หนึ่งในเกษตรกรที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร เปิดเผยว่า ประกอบฟาร์มเป็นกลุ่มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทยกลุ่มแรกได้พัฒนากุ้งเพศผู้ล้วนให้มีคุณภาพดี เนื้อแน่น เนื้อหวาน จนได้ส่งออกไปต่างประเทศ

แต่ในปีที่ผ่านมาประสบปัญหาไม่สามารถส่งออกกุ้งก้ามกรามได้ ทำให้ผลผลิตกุ้งก้ามกรามล้นตลาด จึงได้ทำหนังสือยื่นเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้การร่วมมือกับแม็คโคร ในการช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามพื้นที่ภาคกลางที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

ทั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เริ่มเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับแม็คโครที่ได้เข้ามาช่วยรับซื้อกุ้งก้ามกรามสดเพศผู้ล้วน ซึ่งเป็นกุ้งคัดพิเศษคุณภาพส่งออกขนาด 8-10 ตัวต่อกิโลกรัม โดยจำหน่ายให้กับแม็คโครล็อตแรกจำนวน 15 ตัน เพื่อกระจายกุ้งที่สดใหม่ คุณภาพดี ให้แก่คนไทยได้ทาน และเป็นการสร้างรายได้ ช่วยเหลือเกษตรกรไทยในเรื่องปัญหากุ้งล้นตลาด

คุณประกอบ กล่าวต่อว่า การพัฒนาธุรกิจของเราเป็นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไซซ์ S หรือเอสเอ็มอีขนาดเล็ก เติบโตมาจากกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับโอกาสจากแม็คโครในการช่วยรับซื้อผลผลิตและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย จากเกษตรกรสู่การเป็นคู่ค้าทางแม็คโครจนทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวขึ้นได้

แม็คโครได้ให้คำแนะนำ ทั้งในส่วนของการขนส่งสินค้าให้คงความสด สะอาดซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยที่ศูนย์กระจายสินค้าของแม็คโคร ในเรื่องของการส่งเสริมการตลาด เช่น การจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ผู้บริโภคจะได้สินค้าที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้และปลอดภัย

“ในฐานะเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม มีความมั่นใจในการทำธุรกิจเคียงคู่แม็คโคร ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหากุ้งล้นตลาด สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย โดยช่วยกระจายกุ้งก้ามกรามไปมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ และยังช่วยพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรไทยด้วยการสนับสนุนและให้คำปรึกษาคู่ค้าเป็นอย่างดี ทั้งการพัฒนาระบบขนส่ง การทำการตลาด มีการแลกเปลี่ยนปรึกษาธุรกิจร่วมกันอย่างมีเหตุและผล และยังเป็นองค์กรที่มีความยุติธรรมในการทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วย”

คุณประกอบ กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่ซีพีควบรวมกิจการกับโลตัส ไม่มีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าว และมองว่าเป็นโอกาสเพิ่มช่องทางการขยายตลาดของกลุ่มเกษตรกรไทยให้สามารถกระจายสินค้าที่มีคุณภาพส่งถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ในขณะเดียวยังสามารถสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเกษตรกรไทยได้มากขึ้น