‘ซีพีเอฟ’ เดินหน้าโครงการโรงเรียนไก่ไข่ฯ ครบ 3 ทศวรรษ 824 โรงเรียนทั่วประเทศช่วยอาหารกลางวันเสริมสุขภาพเด็กไทย 1.5 แสนคน ชุมชน 900 แห่ง

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และนายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบโรงเรือนไก่ไข่และอุปกรณ์การเลี้ยงให้กับโรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งทางซีพีเอฟ ร่วมกับ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท จัดทำขึ้นตามโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนต่อเนื่องสู่ปีที่ 30 นับจากปี 2532 เพื่อเป็นแหล่งผลิตไข่ไก่เป็นอาหารกลางวันให้นักเรียนอย่างเพียงพอ และพัฒนาให้โรงเรียนเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมทักษะด้านการเกษตร สร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียนและชุมชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในปีนี้ ซีพีเอฟและมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน นักเรียนเข้าสู่ปีที่ 30 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และแก้ปัญหาทุพโภชนาการของเด็กและเยาวชนไทย

นอกจากการมอบโรงเรือนแล้วทางบริษัทได้จัดให้มีบุคลากรของบริษัทฯมาช่วยติดตามดูแล ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงไก่ไข่ให้กับโรงเรียน ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการจัดการผลผลิตไข่ไก่สดแก่ครูและนักเรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้บริโภคไข่ไก่อย่างเพียงพอ และโรงเรียนมีการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืนสอดรับกับค่านิยมปรัชญาสามประโยชน์สู่ความยั่งยืนที่ท่านประธานอาวุโสคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เน้นย้ำกับพนักงานมาตลอด คือ ต้องทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท

“ในปีนี้ ซีพีเอฟ สนับสนุนงบประมาณให้มูลนิธิฯดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มอีก 46 โรงเรียน เป็นมูลค่ารวม 13 ล้านบาท ซึ่งโครงการเลี้ยงไก่ไข่ที่มอบให้กับโรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) ครั้งนี้ ถือเป็นโรงเรียนลำดับที่ 779 และยังมีอีก 45 โรงเรียน ซึ่งจะมีการส่งมอบให้ครบทุกโรงเรียนภายในเดือนพฤษภาคม 2563 ส่งผลให้ตลอด 3 ทศวรรษของโครงการฯ สามารถช่วยสร้างเสริมสุขภาพอนามัยแข็งแรงของเด็กและเยาวชนไทยใน 824 โรงเรียนทั่วประเทศ รวมกว่า 150,000 คน และชุมชนใกล้เคียงอีก 900 ชุมชน ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายโครงการนี้เพิ่มอีก 50 โรงเรียนทุกๆปี”

นอกจากการมอบโรงเรือนแล้ว ยังได้มีโครงการจ้างแรงงานคนพิการเพื่อดูแลไก่ในโครงการ เพื่อลดภาระบุคคลากรและสร้างคุณค่าให้กับคนพิการ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2560 จ้างงานแล้ว 424 คนใน 240 โรงเรียน ทั้งยังจัดให้มีโครงการซีพีเอฟคืนสุขผู้สูงวัย เพื่อสร้างโอกาสและสร้างคุณค่าให้กับผู้สูงวัยด้วยการจ้างงาน 800 คน อัตราเดือนละ 2,000 บาทต่อเดือน

คุณภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การดำเนินโครงการนี้ ทำให้เห็นว่า ซีพีเอฟมีความตั้งใจจริงในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในชนบทมีอาหารอิ่มท้อง เจริญเติบโตสมวัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนห่วงใยไปถึงคนในชุมชน ด้วยการใส่ใจดูแลผู้สูงอายุที่ยากไร้ให้ได้รับความสะดวกสบายตามสมควร ส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้เพื่อดูแลตนเองและครอบครัว แสดงถึงการเป็นองค์กรที่ปลูกฝังเรื่องความกตัญญูและเห็นคุณค่าของทุกคนในสังคม

“ประชาชนจังหวัดเชียงรายและตัวแทนของทุกโรงเรียนที่รับมอบโครงการฯในวันนี้ ขอบคุณซีพีเอฟและมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท หวังว่าทุกโรงเรียนจะสามารถพัฒนาและต่อยอดโครงการไปสู่การเป็นต้นแบบแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” กล่าว

คุณผจญ กุณา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดู่ (สหราษฎร์พัฒนาคาร) กล่าวว่า โรงเรียนบ้านดู่ฯ เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 750 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมีโรงเรียนในเครือข่ายอีก 4 โรงเรียน มีจำนวนนักเรียนกว่า 400 คน ได้มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการส่งเสริมให้เด็กๆได้เรียนรู้ด้านการเกษตร เช่น การเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน โดยมีบุคลากรของซีพีเอฟช่วยถ่ายทอดความรู้และวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงเป็นการวางพื้นฐานวิชาชีพให้ติดตัวไปใช้ในอนาคต

“การเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งโรงเรียนได้รับมอบไก่ไข่จากซีพีเอฟ 300 ตัว ทำให้มีผลผลิตไข่ไก่เพื่อมาทำอาหารกลางวันนักเรียนได้รับประทานอย่างทั่วถึง หรือหากมีผลผลิตไข่ไก่จำนวนมากก็สามารถนำไปจำหน่ายให้คุณคร ผู้ปกครองนักเรียนและคนในชุมชน ทำให้เด็กๆมีโอกาสเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการและการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายด้วย”

ทั้งนี้ ปี 2562 โครงการอาหารกลางวันมีการจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวันให้เด็กทั่วประเทศรายละ 20 บาทต่อคนต่อวัน รวมเวลา 200 วัน และมีเด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 1.4 แสนคน หรือ คิดเป็น 15% และมีเด็กที่ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน 1.3 แสนคน หรือ คิดเป็น 10.79%

คุณอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและเกษตรกรในชนบทห่างไกล ซึ่งโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อร่วมบรรเทาปัญหาขาดแคลนโปรตีน สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและสติปัญญาของเยาวชน โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ มูลนิธิฯได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน รวมทั้ง ซีพีเอฟ ที่สนับสนุนโครงการฯ เป็นมูลค่ารวม 146 ล้านบาท ส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง เยาวชนเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์ เป็นแหล่งอาหารมั่นคงของชุมชน ที่สำคัญ มีองค์ความรู้ให้ครูและนักเรียนสามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ เกิดกองทุนหมุนเวียน และเป็นแหล่งเรียนรู้อาชีพของคนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นอกจากกิจกรรมมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนแล้ว คณะผู้บริหารของซีพีเอฟและมูลนิธิฯ ยังได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินดำรงชีพให้แก่ผู้สูงอายุ ในโครงการกองทุนซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย และมอบสัญญาจ้างงานคนพิการ ภายใต้ ”โครงการจ้างงานคนพิการ” ในโรงเรียนที่ร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ซึ่งซีพีเอฟได้ดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรด้านการศึกษา สร้างกำลังใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการให้ภูมิใจในคุณค่าของตัวเอง โดยปัจจุบัน ซีพีเอฟมีการจ้างงานคนพิการ จำนวน 424 คน ช่วยงานในโรงเรียนใน 240 โรงเรียนทั่วประเทศ

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ