ภาคธุรกิจ หนุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ใช้เทคโนโลยี เพิ่มศักยภาพแข่งขัน กระตุ้น GDP โต

นางสาวรัชนี วัฒนวิศิษฏพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวในงาน “Thailand Focus 2022: The New Hope” ในหัวข้อ “สร้างโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของไทย” ว่ารัฐบาลทำงานอย่างหนักในการให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และพยายามดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเพิ่มมาตรการและข้อเสนอจูงใจต่างๆ ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งลงทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ในแผนพัฒนาประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศที่พยายามนำประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงต้องเสริมความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน

ด้านนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าจากการวิเคราะห์ GDP ของประเทศไทย จะมาจาก 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ภาคบริการคิดเป็น 59% ภาคอุตสาหกรรม 32% และภาคเกษตรกรรม 9% ตามลำดับ โดยทางส.อ.ท.ได้ร่วมมือกับรัฐบาลในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้ประสานกับภาคเกษตรกรรม เพื่อทำให้เป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและนับเป็น 40% ของ GDP โดยเรียกรวมว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร ดังนั้นประเทศจะต้องปรับโครงสร้างทางธุรกิจให้เน้นไปทางเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวให้มากขึ้น

ส่วนนายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) หรือ FPT กล่าวว่า หลังจากการเปิดประเทศหลังโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น กลุ่มบริการก็เริ่มกลับมาดีขึ้น คลังสินค้าแบบทันสมัย หรือสมาร์ทแวร์เฮ้าส์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรม กลุ่มผู้ซื้อมีการใช้ e-commerce มากขึ้น การซื้อสินค้า สั่งสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นมาก ทำให้รูปแบบของการผลิต ระบบขนส่งจากโรงงานไปยังคลังสินค้าเปลี่ยนไป คลังสินค้าในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงโรงเก็บของ แต่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าและจัดการ จัดสรร รวมถึงจัดระบบการขนส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อโดยตรงอีกด้วย

“เราต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมกิจการ e-commerce ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและจะสูงขึ้นอีกในอนาคต โดยต้องมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ นวัตกรรมต่างๆ รวมถึงการใช้หุ่นยนต์มาช่วยสร้างศักยภาพให้กับคลังสินค้าเหล่านี้ รวมถึงการเพิ่มสวัสดิการที่ดีขึ้นให้กับแรงงานที่ทำงานภาคอุตสาหกรรมนี้ นี่จึงเป็นจุดศูนย์ถ่วงใหม่ในระบบเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนา” นายธนพลกล่าว

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์