สรท. มองส่งออกไทยปี’66 โตแผ่ว เหลือ 2% อาหารยังเป็นพระเอก

สภาผู้ส่งออก มองการส่งออกไทยในปี 2566 ไม่ทรุด แม้จะมีปัจจัยความขัดแย้ง ราคาพลังงาน ค่าเงิน เศรษฐกิจ ที่กระทบ แต่มองโอกาสในการส่งออกของไทยยังมี กลุ่มอาหารยังเป็นพระเอกในการส่งออก ส่งออกปี 2566 มองโต 2% ปี 2565 โต 8%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยระหว่างการสัมมนาหัวข้อ “ส่องส่งออก 2566 ทรง หรือ ทรุด” ว่า ประเทศไทยในปีหน้ายังไม่ทรุด แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลมาต่อเนื่องจากปัญหาในปีนี้ โดย สรท. ประเมินว่าการส่งออกของไทยยังมีโอกาสขยายตัวได้ 2-3% ที่มูลค่าประมาณ 3.03-3.04 แสนล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกที่ยังเป็นพระเอกยังคงเป็นอุตสาหกรรมอาหาร

ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออก ความขัดแย้งระหว่างประเทศ, ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ค่าเงิน นโยบายการเงิน, ปัญหาทางสังคม เช่น การระบาดของโควิด-19, ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหากฎระเบียบ-มาตรการกีดกันทางการค้านั้น โดยปัจจัยเหล่านี้ เป็นปัจจัยภายนอกที่มีความผันผวน ควบคุมได้ยาก ผู้ส่งออกต้องวางแผนกลยุทธ์ให้ดี มีการประกันความเสี่ยง

นอกจากนี้ การหาตลาดใหม่ยังเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกต้องทำ เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตะวันออกกลาง รวมทั้งขยายตลาดในอาเซียน ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) รวมถึงตลาดจีน เพราะหากจีนปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยว จะยิ่งทำให้ความต้องการการบริโภคเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย

ส่วนการส่งออกในปีนี้ สรท. เชื่อว่าจะขยายตัวได้ 7-8% อย่างแน่นอน ที่มูลค่าประมาณ 2.90-2.93 แสนล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับ 6-10% ได้แก่ น้ำตาลทราย, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม, น้ำมันสำเร็จรูป, ยางล้อรถยนต์, อัญมณีและเครื่องประดับ, ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น ขณะที่ประเมินว่าการส่งออกช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ อาจจะแตะเบรกจากไตรมาส 3 โดยคาดว่าจะหดตัว -3.4%

ด้านนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า เราก็ยังมองว่าปีหน้ายังไม่ทรุด เบื้องต้นพบว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 2566 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.7% ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าไทยจะส่งออกไม่ได้ เพียงแต่ต้องระวังเท่านั้น และยังมีภูมิภาคที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวได้โดดเด่น เช่น ตลาดเกิดใหม่ ตลาดเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง

โดยประเมินว่าการส่งออกของไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ราว 2% ขณะที่การส่งออกปี 2565 ขยายตัวได้ 8% การส่งออกไทยในปีหน้า 2% เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐ ยุโรป และจีน ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่ยังมีความเปราะบางจากปัญหาหนี้สูง เช่น บางประเทศในละตินอเมริกา และแอฟริกา นอกจากนี้ ผู้บริโภคและนักลงทุนยังกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

นางสาวณัฐิยา สุจินดา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมองว่าเศรษฐกิจโลกปี 2566 จะชะลอตัวลง รวมทั้งมีปัญหาจากปัจจัยต่าง ๆ เชื่อว่าประเทศไทยยังมีโอกาสดันการส่งออก โดยกรมยังมองว่า 5 ตลาดหลักที่สำคัญในการส่งออกของไทยยังไปได้ดี คือ อินเดีย, ตะวันออกกลาง, สหรัฐอเมริกา, อาเซียน และจีน-ฮ่องกง

โดยเห็นว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาและเตรียมความพร้อมในการผลักดันการส่งออก เช่น ตลาดอินเดีย ผู้ประกอบการจะต้องสร้างการรับรู้สินค้าใหม่ ๆ หรือสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ตลาดสหรัฐอเมริกา ผู้ส่งออกอาจจะรับจ้างผลิต หรือสร้างพันธมิตรกับผู้นำเข้าที่ส่งสินค้าให้กับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก, ตลาดอาเซียน ผู้ส่งออกจะต้องสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า เพิ่มการค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ตลาดจีน สร้างความสัมพันธ์แบบเจาะจง หรือทำข้อตกลงพิเศษเป็นรายมณฑล เช่น Mini FTA เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของมณฑล ซึ่งกรมก็พร้อมสนับสนุนส่งเสริมในการผลักดันการส่งออกของไทย

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ