ตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐบูมยอดขาย 1.14 ล้านล้านเหรียญ แนะไทยเจาะตลาด


ภาพจาก Photo by Headway on Unsplash

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐปี 2566 คาดจะมีผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 265 ล้านคนซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ยอดขายจะสูงถึง 1.14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แนะผู้ประกอบการไทยหาโอกาสใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซเพิ่มโอกาสขายสินค้าเจาะสหรัฐ

วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมได้รับข้อมูลจากนางสาวเกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงข้อควรรู้ตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐปี 2566 และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐผ่านช่องทางออนไลน์

โดยทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลแนวโน้มตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐปี 2566 ว่าจะมีผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 265 ล้านคน ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.8% ของยอดการค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐ และคาดว่าสัดส่วนดังกล่าว จะเพิ่มเป็น 23% ภายในปี 2568 และ Insider Intelligence บริษัทให้คำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ ยังคาดว่ายอดขายของตลาดอีคอมเมิร์ซจะสูงถึง 1.14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเทรนด์ตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้ ได้แก่ สินค้าที่คาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุดและมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด คือ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ สัดส่วนยอดขาย 18.7% เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 15.7% สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 11.3%

ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะโตมากที่สุดในช่วง 4 ปีข้างหน้า คือ สินค้าเกี่ยวข้องสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าสัดส่วนยอดขายของสินค้าดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% และ 10.5% ตามลําดับในปี 2570

ส่วนพฤติกรรมชาวอเมริกันที่มีการสำรวจโดย ClearSale พบว่าเพศชายมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมากกว่าเพศหญิง และผู้บริโภคชายอายุ 18-34 ปี กว่า 40% มีแนวโน้มซื้อสินค้าทุกประเภททางออนไลน์ แต่ผู้หญิงมีเพียง 33% ที่จะซื้อ โดยช่องทางอีคอมเมิร์ซชั้นนำยังคงเป็น Amazon, Walmart, Apple และ eBay แต่หมวดหมู่เจาะจงจะได้รับความนิยมและโตมากขึ้น เช่น Carvana ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์รถยนต์มือสอง และเว็บไซต์ Chewy ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทุกประเภท

ทางด้านการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย มีชาวอเมริกันสูงถึง 96.9 ล้านคนที่ซื้อ ยอดขายปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 992 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปี 2566 จะเพิ่มเป็น 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

โดยปี 2565 มียอดซื้อถึง 43,100 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าปี 2566 จะเพิ่มเป็น 51,100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผลสำรวจพบว่า Amazon เป็นแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐ ตามด้วย Shein เป็นอันดับ 2 และแอปพลิเคชั่นที่เป็นนิยมรองลงมา ได้แก่ Walmart, Fetch Shop, Etsy, Nike และ Temu

“ตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพสูงในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมซื้อผ่านทางออนไลน์ยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า ไลฟ์สไตล์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดของสินค้าอื่น ๆ เช่น สินค้าสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สินค้าอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้น

ผู้ประกอบการไทยจึงควรมองหาโอกาสในการเจาะตลาดสหรัฐ ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าและอาจเพิ่มการนำเสนอและผลักดันสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อแนะนำและทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดสหรัฐ โดยอาจเพิ่มกลยุทธ์ในการนำเสนอสินค้าที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคสำคัญในการเจาะตลาดผู้บริโภคสหรัฐ”

ที่มา ประชาชาติ