ผลการศึกษาชี้ หลายประเทศเร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล แต่สหรัฐยังตามหลัง

สภาแอตแลนติก (Atlantic Council) เผยแพร่ผลการศึกษาว่า ปัจจุบัน 134 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 98% ของเศรษฐกิจโลก กำลังเดินหน้าสำรวจสกุลเงินดิจิทัลของตน ซึ่งมากกว่าครึ่งกำลังดำเนินการผ่านการพัฒนาในระดับก้าวหน้า ระยะนำร่อง หรือเตรียมเปิดตัว

ผลการศึกษาระบุว่า กลุ่มประเทศสมาชิก G20 ทั้งหมด ยกเว้นอาร์เจนตินา กำลังก้าวหน้าไปสู่ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังตามหลังอยู่มากในเรื่องดังกล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้จะมีความคืบหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลระหว่างสถาบันการเงิน (wholesale) แต่ความคืบหน้าในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลสำหรับชาวอเมริกันในวงกว้างในขณะนี้ยังหยุดชะงัก ซึ่งนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในเดือนนี้ว่า ยังไม่มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการพัฒนาดังกล่าว

เมื่อปี 2565 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ สั่งให้เจ้าหน้าที่ศึกษาสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัล แต่กลับกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งปธน.ไบเดนในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ ให้คำมั่นว่าจะไม่ยอมให้มีสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัลเกิดขึ้น

นายจอช ลิปสกี จากสภาแอตแลนติก กล่าวว่า “ประเด็นที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกมีแนวทางที่แตกต่างกันมากขึ้นในการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)” พร้อมย้ำว่าจีน ยุโรป และญี่ปุ่นนั้นก้าวหน้าไปมาก

ทั้งนี้ นายลิปสกีเสริมว่า หากสหรัฐยังคงตามหลังอยู่ ก็มีความเสี่ยงที่ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศจะกระจัดกระจาย อีกทั้งสหรัฐอาจสูญเสียอิทธิพลทางการเงินระดับโลกบางส่วน หากแต่ละประเทศก้าวไปข้างหน้าและสร้างมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์