เนเธอร์แลนด์ ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 2 ของโลก ทั้งที่มีพื้นที่เพาะปลูกน้อยกว่าไทย 7 เท่า


เนเธอร์แลนด์ ประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น แม้ไม่ได้โดดเด่นเรื่องเศรษฐกิจของโลก มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของสหภาพยุโรป แต่มีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการขนส่งของยุโรป โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าการเกษตรที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท จนได้รับฉายาว่าเป็น “ดินแดนแห่งเกษตรโรงเรือนและอาหารของคนทั้งโลก” สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ ไม้ดอกไม้ประดับ เมล็ดพันธุ์ ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่ เนื้อสัตว์ และพืชผักต่างๆ

รู้หรือไม่? สิ่งที่น่าสนใจ คือ การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารของเนเธอร์แลนด์มีมูลค่ามากกว่าไทยถึง 4 เท่า (ไทยอยู่อันดับที่ 16 ของโลก) ทั้งที่มีพื้นที่เพียง 41,543 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าไทย 12 เท่า หรือหากเทียบเพียงพื้นที่เพาะปลูก ก็ยังน้อยกว่าไทย 7 เท่า ซึ่งพื้นที่มากกว่า 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ

ทั้งนี้ เมื่อมองภาพรวมของสภาพแวดล้อมแล้ว ยังไงก็ไม่เหมาะแก่การทำการเกษตร แต่เรื่องนี้กลับทำให้ชาวเนเธอร์แลนด์พัฒนาพื้นที่มากกว่าครึ่งเป็นพื้นที่การเกษตร สร้างผลผลิตจำนวนมากจนเกินกว่าความต้องการในประเทศ นำไปสู่การส่งออกไปประเทศอื่นๆ สร้างมูลค่าการส่งออกให้ประเทศได้อย่างมหาศาล ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นคำถามที่ว่า พวกเขาทำได้ยังไง? ที่สามารถพัฒนาพื้นที่ที่มีน้อยนิดให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญของโลกได้

ย้อนกลับไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเนเธอร์แลนด์เคยประสบปัญหาขาดแคลนและความหิวโหย ประชากรหลายหมื่นคนต้องอดอยาก ภาครัฐได้ให้ประชาชนประทังชีวิตด้วยผลโอ๊คและเกาลัด ตั้งแต่นั้นมาจึงทำให้เรื่องอาหารการกิน กลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศ

พวกเขาเริ่มต้นแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำ แม้ว่าข้อดีของประเทศคือ การมีดินที่ดี เหมาะแก่การปลูกพืช ทำการเกษตร แต่ข้อเสียก็คือ น้ำท่วมประจำ พวกเขาจึงแก้ปัญหาด้วยการสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเล ใช้เวลากว่า 47 ตั้งแต่ 1950-1997 กว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมด รวมทั้งสร้างกังหันด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือ ส่วนสำคัญที่ทำให้การพัฒนาด้านเกษตรกรรมของประเทศนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้ ทั้งภาครัฐและประชาชนต่างคิดเหมือนกันว่า ต้องผลิตอาหารให้ได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า และใช้ทรัพยากรลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้เทคโนโลยีทางการเกษตรต่างๆ ถูกผลักดันและนำมาใช้ในการทำเกษตรของชาวเนเธอร์แลนด์

อันดับแรกคือ การทำการเกษตรแบบโรงเรือน ซึ่งการเกษตรมากกว่าครึ่งในประเทศล้วนมาจากในโรงเรือนทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับพื้นที่ปกติ เรียกได้ว่ามีพื้นที่เพาะปลูกแบบโรงเรือนที่สูงที่สุดในโลก บางโรงเรือนมีพื้นที่ใหญ่กว่า 400 ไร่ หรือบางโรงเรือนก็ทำเป็นตึกหลายๆ ชั้น รวมถึงมีการใช้พื้นที่บนดาดฟ้าสำนักงานหรือบ้าน สร้างโรงเรือนเพื่อทำการเกษตรอีกด้วย

เนเธอร์แลนด์ ยังได้ใช้หุ่นยนต์ เครื่องจักร โดรนในการเพาะปลูก ทั้งหว่านเมล็ด ให้น้ำ ให้ปุ๋ย และเก็บเกี่ยว รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูล เช่น ค่าเคมีในดิน ปริมาณที่ได้รับ เป็นต้น ซึ่งตอบโจทย์สำหรับแรงงานเกษตรกรที่มีเพียง 1 แสนคน น้อยกว่าเกษตรกรไทยที่มีทั้งหมด 12.5 ล้านคน ทำให้สามารถปลูกพืชผักได้ตลอดทั้งปี รวมถึงยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพในปริมาณที่สูงมาก

นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ชาวเนเธอร์แลนด์สามารถลดการใช้ยาฆ่าแมลง และเลิกใช้ในโรงเรือนได้เกือบ 95% ส่วนกลุ่มปศุสัตว์ก็ได้มีการลดใช้สารเคมีในสัตว์มากกว่า 60% ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรต่อพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกไม้ประดับ พืชผัก หรือเนื้อสัตว์ ล้วนแล้วแต่มีปริมาณที่สูงมาก เมื่อการผลิตล้นตลาด ภาครัฐเห็นโอกาสในการส่งออก ได้วางระบบการขนส่ง ทั้งถนน รถไฟ รวมถึงท่าเรือทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถติดต่อเจรจากับประเทศคู่ค้า และจำหน่ายสินค้าเกษตรออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลก นำไปสู่ความยั่งยืนและมั่นคงของการส่งออกของประเทศ

ที่สำคัญเนเธอร์แลนด์ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรเป็นอย่างดี มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการเกษตร มีมหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับต้นๆ ด้านการเกษตรและสถาบันวิจัยเกษตรของโลก นั่นคือ Wageningen University แหล่งกระจายข้อมูลข่าวสารให้ความรู้เรื่องของเกษตรกรรมของสถาบันอื่นๆ รวมถึงยอมทุ่มงบให้แก่งานวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่มีประสิทธิภาพอย่างมหาศาล ส่งผลให้บริษัทอาหารระดับโลก อย่าง Heinz สนใจมาตั้งศูนย์วิจัยที่นี่

เรียกได้ว่า เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศผู้นำด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตอนนี้ เป็นเพราะความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรทั่วประเทศ ทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายเดียวกันเพื่อพัฒนาประเทศที่มีจุดบกพร่องหลายด้าน ทั้งการจัดการน้ำ การจัดการพื้นที่ การขนส่ง การศึกษา รวมถึงเทคโนโลยี ให้กลายเป็นประเทศที่สำคัญและเป็นต้นแบบของการพัฒนาและส่งออกสินค้าเกษตรให้กับประเทศที่พึ่งพาเกษตรกรรมหรือต้องการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศสู่ความยั่งยืน

ที่มา : medium.com #อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan#เนเธอร์แลนด์#การส่งออก#สินค้าเกษตร https://www.facebook.com/324861724225604/posts/3742347479143661/?d=n