กาแฟสบขุ่น จ.น่าน ได้รับการรับรองคุณภาพกาแฟระดับดีมาก โดยกรมวิชาการเกษตร ในเวทีประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565
เมื่อเร็ว ๆ นี้


เครือเจริญโภคภัณฑ์ร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน สร้างป่า สร้างรายได้ บ้านสบขุ่น จ.น่าน ได้รับประกาศณียบัตรเหรียญทองแดง ประเภทคุณภาพกาแฟระดับดีมาก ในโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 ที่จัดขึ้นโดย กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 โดยกรมวิชาการเกษตรร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนจัดงานประกวดสุดยอดกาแฟอะราบิกา และโรบัสต้าของประเทศไทย เพื่อหาเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี ตั้งแต่การปลูก จนถึงการแปรรูป จนได้เป็นเมล็ดกาแฟไทยเกรดพิเศษ นอกจากนี้ยังรณรงค์และส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ตระหนักถึงความสำคัญในการปลูกและการแปรรูปกาแฟ มุ่งพัฒนากาแฟไทยให้มีคุณภาพดีสู่ระดับโลก เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ และความยั่งยืนให้แก่เกษตรกร


เมล็ดกาแฟจากการสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรบ้านสบขุ่น จ.น่าน ได้ขยายผลส่งมอบคุณค่าสู่ร้านทรูคอฟฟี่ในกรุงเทพฯ รวมถึงร้านกาแฟบ้านสบขุ่น ณ สำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน เครือซีพี จ.น่านด้วย โดยผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน การคั่วเมล็ดกาแฟในระดับการคั่วที่ให้รสชาติที่ดีที่สุด ตลอดจนการสกัดด้วยอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพดีในทุก ๆ แก้วที่เสิร์ฟ


คุณอรรถวิทย์ ยุทธยศ ผู้จัดการทั่วไป ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถพัฒนา ยกระดับคุณภาพกาแฟบ้านสบขุ่นให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ตั้งแต่เริ่มโครงการปลูกกาแฟร่วมกับฟื้นฟูป่าในพื้นที่บ้านสบขุ่น ตั้งแต่ปี 2559 ในพื้นที่เริ่มต้นจากศูนย์ ปลูกกาแฟในพื้นที่ที่เป็นดอยหัวโล้น ไม่มีต้นไม้สักต้น เนื่องจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ซึ่งส่งผลให้ดินที่จะนำมาปลูกกาแฟเสื่อมคุณภาพ ทางเครือซีพี วิสาหกิจชุมชนฯ และภาคีภาครัฐ พยายามหาวิธีพัฒนาต้นกาแฟให้อยู่รอดและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ทั้งคัดเลือกสายพันธุ์ที่จะนำมาปลูก การจัดการระบบน้ำ ฯลฯ เรียกว่าล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันมาพอสมควร ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านสบขุ่นเคยส่งกาแฟจากบ้านสบขุ่นเข้าประกวดถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 แต่ยังไม่ผ่านมาตรฐานการประกวด เราจึงมาคิดปรับปรุง พัฒนากระบวนการผลิตใหม่ โดยคำนึกถึงคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อให้กาแฟทุกเมล็ดที่ปลูกมีคุณภาพ อย่างเช่น ต้นน้ำ มีการบริหารจัดการบำรุงรักษาต้นกาแฟอย่างดี เพิ่มไม้ร่มเงาให้กับต้นกาแฟตามคำแนะนำของนักวิชาการด้านกาแฟโดยตรง กลางน้ำ มีการวัดคุณภาพความหวาน ความสุกต้องแดงฉ่ำ 100% มีการคัดเมล็ดจม-ลอย การสี การตาก การคัดเกรดกาแฟสาร และการจัดเก็บ ทุกกระบวนการทางเราได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากตลาดรับซื้อ รวมทั้งเรื่องกระบวนการบรรจุกระสอบ และการขนส่ง จึงส่งผลให้ปีนี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าภาคภูมิใจ สุดท้ายต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เข้ามาร่วมกันพัฒนากาแฟบ้านสบขุ่นให้เป็นที่ยอมรับ ถือว่าเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจร่วมกัน


คุณสุชานันท์ นวลศรี เจ้าหน้าที่ประจำโรงแปรรูปวิสาหกิจชุมชนสร้างป่า สร้างรายได้ บ้านสบขุ่น เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจที่กาแฟบ้านสบขุ่นได้รับประกาศนียบัตรเหรียญทองแดง ประเภทคุณภาพกาแฟระดับดีมาก ในโครงการประกวดครั้งนี้ หวังอย่างยิ่งให้กาแฟบ้านสบขุ่นของเรามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ยิ่งทำให้รู้ว่าการทำงานหนักส่งผลดีต่อกาแฟบ้านเรา เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรเอาใจใส่ในการดูแลแปลงกาแฟอย่างมาก ทั้งการใส่ปุ๋ยให้ตรงเวลา การตัดแต่งกิ่ง และกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เมล็ดกาแฟสมบูรณ์ที่สุด และที่ขาดไม่ได้ คือขั้นตอนสุดท้าย คือการเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกแดงฉ่ำ เราจึงได้กาแฟที่มีรสชาติดี มีคุณภาพออกสู่ตลาดนั่นเอง


ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 นับตั้งแต่ริเริ่มโครงการในปี 2558 สู่ปัจจุบันในปี 2565 สบขุ่นโมเดล ดำเนินโครงการภายใต้การสนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา ฯลฯ ส่งผลลัพธ์ด้านมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ 97 ครัวเรือน สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 707,863 บาท และคืนผืนป่า 2,100 ไร่ นำไปสู่เป้าหมายการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนในชุมชน ได้พื้นที่ป่ากลับคืนมา มีการทำเกษตรอย่างถูกต้อง ส่งผลให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาให้คนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาบ้านเกิด มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน ผู้คนมีรายได้และมีอาชีพจากการปลูกกาแฟภายใต้ต้นไม้ใหญ่ในผืนป่าของพื้นที่หมู่บ้านสบขุ่น จ.น่าน สืบไป