วิกฤตเศรษฐกิจ 7 เดือนจัดตั้งธุรกิจใหม่หด 1.12% เลิกกิจการพุ่ง 24.42%


ภาพโดย Sozavisimost from Pixabay

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เดือน ก.ค. 65 มีจำนวน 5,858 ราย เพิ่ม 3% ส่วนใหญ่กลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ส่วนยอดเลิก 1,543 ราย เพิ่ม 35% รวม 7 เดือน ตั้งใหม่ 46,159 ราย เลิก 7,552 ราย คาดยังมีแนวโน้มดี

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศประจำเดือน ก.ค. 2565 มีจำนวน 5,858 ราย เทียบกับ มิ.ย. 2565 ลดลง 12% และเทียบกับ ก.ค. 2564 เพิ่มขึ้น 3% โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,111.36 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก

ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,543 ราย เมื่อเทียบกับ มิ.ย. 2565 เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับ ก.ค. 2564 เพิ่มขึ้น 35% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 7,148.05 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร

ทั้งนี้ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ 7 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 46,159 ราย ลดลง 1.12% ขณะที่ มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 309,716.15 ล้านบาท และยอดเลิกกิจการ รวม 7,552 ราย เพิ่มขึ้น 24.42% มีมูลค่าทุนจดทะเบียน จำนวน 65,660 ล้านบาท

นายทศพลกล่าวว่า แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้มากขึ้น มีการเปิดให้บริการสถานบันเทิงทั่วประเทศในช่วงเดือน ก.ค. 2565 การปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สถานการณ์การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคลย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่จะมีแนวโน้มลงลงในช่วงปลายปี ทำให้กรมคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 68,000-72,000 ราย ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ 70,000–75,000 ราย

ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค. 2565) จำนวน 846,797 ราย มูลค่าทุน 20.32 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 203,402 ราย คิดเป็น 24.02% บริษัทจำกัด จำนวน 642,036 ราย คิดเป็น 75.82% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,359 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

ส่วนการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนกรกฎาคม 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 39 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,675 ล้านบาท เป็นผลให้ในปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น จำนวน 323 ราย เพิ่มขึ้น 16% เงินลงทุน 73,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (มกราคม-กรกฎาคม 2564)

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 2,734 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 91 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 330 ล้านบาท ตามลำดับ

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ