เงินบาทเปิด 34.65 อ่อนค่าหลังดอลลาร์ฟื้น จับตาตัวเลข GDP จีน-โหวตนายกฯ รอบ 2

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.65 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็ก น้อยจากท้ายตลาดเมื่อวันศุกร์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยจากวันศุกร์ ทิศทางยังเกาะกลุ่มไปกับตลาดโลก และสกุลเงินในภูมิภาค โดยเมื่อคืนวันศุกร์ ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุล หลังโดนเทขายมาติดต่อกัน 4 วัน แต่ทั้งนี้ตลาดมองว่าเป็นการฟื้นตัวชั่วคราวเท่านั้น

ขณะที่ปัจจัยวันนี้รอดูจีนรายงานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2/66 ในช่วงเช้านี้ ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงต้องติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันพุธที่ 19 ก.ค.นี้

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.53 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 138.43 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1219 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1231 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.614 บาท/ดอลลาร์

– คลังเตรียมแผนผลักดันเม็ดเงินเข้าระบบตามบัญชา “นายกฯ” ใช้จ่ายงบดูแลเศรษฐกิจตามกฎหมายให้ทำได้ ที่สำคัญไม่ กระทบเงินสวัสดิการดูแลกลุ่มเปราะบาง

– ปลัดกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาแผนปฏิรูปการจัดเก็บรายได้รัฐบาล ทั้งในส่วนของการเพิ่มราย ได้ และลดรายจ่าย เพื่อให้เป็นไปตามกรอบวินัยการคลัง และดำเนินการตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปี 2567-2570) ที่ตั้งแต่ปีงบ ประมาณ 2567 ต้องลดสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณ ไม่ให้เกิน 3% ต่อ GDP

– ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยัน ภาษีขายหุ้นยังอยู่ในแผนการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งรัฐบาลรักษาการอาจมีข้อจำกัดไม่ สามารถดำเนินการต่อได้ ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่ต้องการปรับรูปแบบให้เป็น Capital Gain Tax ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เพราะ กระทรวงฯ ได้ศึกษาไว้ทั้ง 2 แบบควบคู่กันอยู่แล้ว แต่เชื่อว่ารูปแบบภาษีขายหุ้น ยังเหมาะกับตลาดทุนไทยมากกว่า

– 8 พรรคถกวันนี้-เคลียร์โหวตนายกฯรอบ 2 ส่งชื่อ ‘พิธา’หรือว่าแคนดิเดตเพื่อไทย ‘ภูมิธรรม’บี้ถาม ก.ก. เสียงหนุนจะ เอามาจากไหน หวั่นวืดซ้ำ

– นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงเช้าวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่ง ชาติจีนมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีก เดือนมิ.ย., อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนมิ.ย.

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ หลายรายการ ซึ่งรวมถึงยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวลง 7.5% และ รุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 9.5% โดยการส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก และยิ่งทำให้ ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

– อังกฤษลงนามข้อตกลงเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership หรือ CPTPP) อย่างเป็นทางการ ณ การประชุมระดับรัฐมนตรีซึ่ง จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยอังกฤษถือเป็นสมาชิกใหม่รายแรกที่เข้าร่วมนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มขึ้นในปี 2561

– ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันศุกร์ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.6 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 65.5 จากระดับ 64.4 ในเดือน มิ.ย.

– ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (14 ก. ค.) หลังการเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.64

– ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ดัชนี ตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. , จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง งานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board


โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์