ราคาข้าวตลาดโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี วิตกขาดแคลนหลังอินเดียห้ามส่งออก

ราคาข้าวและข้าวสาลีในตลาดโลกพุ่งทะยานสูงสุดในรอบหลายปีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากกรณีที่อินเดียสั่งห้ามส่งออกข้าวส่วนใหญ่ และจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ไร้วี่แววยุติ

สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า ราคาข้าวของไทยมีการซื้อขายที่ระดับ 607.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.ค. โดยพุ่งขึ้น 62.50 ดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่อินเดียประกาศห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติ (Basmati) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. โดยราคาข้าวของไทยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2555

กระทรวงกิจการผู้บริโภคอินเดียระบุว่า อินเดียสั่งห้ามส่งออกข้าวส่วนใหญ่เพื่อควบคุมราคาข้าวภายในประเทศ และรับประกันว่าจะมีปริมาณข้าวที่มีราคาเหมาะสมเพียงพอภายในประเทศ

กระทรวงเกษตรสหรัฐระบุว่า อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2565–2566 ที่ 22.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของโลก ส่วนไทยส่งออกเป็นอันดับ 2 ที่ 8.5 ล้านตัน

ปรากฏการณ์เอลนีโญหวนคืนมาเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นที่จะเกิดภาวะขาดแคลนข้าว โดยคาดการณ์ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้ฝนแล้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตข้าวรายใหญ่

สต็อกข้าวโลกมีแนวโน้มลดลงแตะ 170.42 ล้านตัน ณ ช่วงสิ้นฤดูเพาะปลูกปี 2566–2567 ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ฤดูเพาะปลูกปี 2560–2561 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าอุปทานข้าวจะลดลง หากสภาพอากาศในอนาคตย่ำแย่ลง การคาดการณ์สต็อกข้าวโลกก็มีแนวโน้มจะลดลงอีก โดยหากตลาดคาดการณ์ว่าอุปทานข้าวจะตึงตัวก็จะทำให้ราคาข้าวแพงยิ่งขึ้น

ราคาข้าวสาลีแพงขึ้นเช่นเดียวกัน หลังรัสเซียยกเลิกข้อตกลงที่อนุญาตให้ยูเครนขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำเมื่อเดือนก.ค. ขณะเดียวกันรัสเซียยังระดมโจมตีในแคว้นโอเดสซาซึ่งเป็นท่าเรือส่งออกธัญพืชขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน โดยสัญญาข้าวสาลีล่วงหน้าส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาด CBOT พุ่งทะลุ 7.70 ดอลลาร์ต่อบุชเชลในช่วงปลายเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์