มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ผนึกกำลังร่วมกับโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล มอบโอกาสเยาวชนไทยได้เป็นนักบริบาลมืออาชีพที่มีหัวใจนักบริบาล พร้อมดูแลสังคม ตอบแทนคุณแผ่นดิน

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ร่วมกับโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรม “บริบาลสัญจร” นำโดยนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายกฤตยรัฐ ปารมี ผู้ช่วยเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ดร.พรระวี สีเหลืองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล และผู้รับทุนฝึกวิชาชีพในโครงการพัฒนาอาชีพด้านการบริบาล หลักสูตรการดูแลสุขภาพเบื้องต้น 70 ชั่วโมง ร่วมออกหน่วยให้บริการตรวจสุขภาพผู้ยากไร้และประชาชนในพื้นที่อำเภอหัวหิน ในโครงการ “อำเภอยิ้ม…เคลื่อนที่” ประจำปี 2566 ณ โรงเรียนวัดวังข่อย ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในครั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังได้ร่วมสนับสนุนข้าวสาร และไข่ไก่แก่ผู้ยากไร้กลุ่มเปราะบาง และผนึกกำลัง บริษัท ซีพี แอ้กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ร่วมออกหน่วยบริการน้ำดื่มและขนม ในการเยี่ยมและให้กำลังใจผู้สูงอายุในชุมชนด้วย


มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ดำเนินงานด้านการพัฒนาอาชีพบริบาลมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีบริหาร 2562 จนถึงปัจจุบัน ได้มอบทุนสนับสนุนการศึกษา ฝึกอบรมหลักสูตรด้านการบริบาลไปแล้ว จำนวน 249 คน โดยมีแผนการเพิ่มจำนวนทุนในทุกๆ ปี ปีละ 100 คน ได้ขยายความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งรัฐ – เอกชนแล้ว 6 สถาบัน ซึ่งโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล เป็นหนึ่งใน 6 ภาคีความร่วมมือลงนาม MOU พัฒนาอาชีพด้านการบริบาล ได้เข้ามาร่วมผลิตนักบริบาลที่มีความเป็นมืออาชีพออกสู่สังคม ซึ่งเป็นบุคลากรในระบบสาธารณสุข มูลนิธิฯ เล็งเห็นความสำคัญของนักบริบาลที่ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแคลนทั้งนักบริบาลผู้ดูแลผู้สูงอายุ และนักบริบาลผู้ที่มีความสามารถด้านการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนต่างๆ มูลนิธิฯ จึงได้ให้ทุนสนับสนุนการศึกษาอบรมแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ที่ต้องการต่อยอดทางวิชาชีพด้านการบริบาลในอนาคต เข้ามาศึกษาในหลักสูตรการดูแลสุขภาพเบื้องต้น 70 ชั่วโมง และเมื่อจบการอบรม จะเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน และให้บริการด้านสุขภาพพื้นฐานเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ยังสามารถนำใบประกาศนียบัตรไปเป็นผู้ดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงได้ หรือนำไปสมัครเรียนเพื่อต่อยอดเป็นนักบริบาลมืออาชีพ ในหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง และหลักสูตรการดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุ 840 ชั่วโมง ด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้ โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล ดำเนินงานภายใต้รูปแบบ Social Enterprise ด้วยเล็งเห็นว่าสังคมไทยยังอยู่ในภาวะปัญหา “ โง่ จน เจ็บ ” จึงมีเจตนารมณ์มุ่งเน้นให้โอกาสผู้ที่ขาดแคลนโอกาสด้านการศึกษาในประเทศ ได้เข้ามาศึกษาในหลักสูตรด้านการบริบาลซึ่งเป็นหลักสูตรที่สร้างวิชาชีพ สร้างรายได้ นำไปต่อยอดการศึกษา และช่วยเหลือสังคมได้ โดยทุกหลักสูตรที่เปิดสอนจะมี “หัวใจสำคัญ คือ การลงชุมชน” เพราะนอกจากนักเรียนจะได้ฝึกฝนทักษะด้านวิชาชีพแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง และผู้ยากไร้ ที่มีเป็นจำนวนมากและยังต้องการการดูแลอีกด้วย ขณะเดียวกันการลงชุมชนยังเป็นการปลูกฝังแนวคิด การรู้จักเสียสละ ช่วยเหลือสังคม ด้วยมุ่งหวังว่าเด็กที่จบออกไปแล้วจะเป็นบุลคากรด้านสาธาณสุขในระดับชุมชนที่ทำหน้าที่ด้วยหัวใจนักบริบาล นำความรู้ไปเผยแพร่ พัฒนา และต่อยอดชุมชนให้มีความแข็งแรงได้

ดร.พรระวี สีเหลืองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล กล่าวว่า “ขอขอบคุณมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ที่เล็งเห็นความสำคัญ และเข้ามาผนึกกำลัง สนับสนุน และขับเคลื่อนงานด้านพัฒนาอาชีพด้านการบริบาล โดยมุ่งเน้นให้โอกาสการศึกษาแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้พัฒนาศักยภาพและมีวิชาชีพ พร้อมเติบโตไปเป็นนักบริบาลมืออาชีพที่มีใจพร้อมดูแลสังคม และประเทศชาติต่อไป”