เมื่อซีพีเอฟปลูกรัก-ความผูกพันองค์กรผ่าน “ชมรมพนักงาน” คิดดีทำดีร่วมกันสร้างสัมพันธ์สร้างสังคมยั่งยืน ชวนชาวซีพีเอฟสมัครสมาชิก-กรรมการ 14 ชมรม

นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจกับบทบาทของทีมงาน HR ซีพีเอฟ ยุค 4.0 ที่ตอบโจทย์การปลูกฝังความรัก ความผูกพันองค์กรและสร้างเวทีให้พนักงานที่มีความสนใจร่วมกันจัดตั้งชมรมพนักงานและดำเนินกิจกรรมเพื่อเพื่อนพนักงานและก้าวสู่การทำประโยชน์เพื่อสังคมหรือส่วนรวม

คุณนริศรา ยิ่งภักดีผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านส่งเสริมความผูกพันองค์กรและการสื่อสารภายในองค์กร ซีพีเอฟ ที่มีส่วนรับผิดชอบดูแลชมรมพนักงานซีพีเอฟเล่าให้ทีมงาน CP Story ฟังว่าขณะนี้ทางทีมงานด้านส่งเสริมความผูกพันองค์กรและการสื่อสารภายในองค์กร ซีพีเอฟได้ประกาศเชิญชวนพนักงานซีพีเอฟมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมพนักงาน

ซีพีเอฟกำหนดนโยบายสนับสนุนชมรมพนักงาน
ทั้งนี้คุณนริศราเปิดเผยว่าซีพีเอฟมีแนวคิด นโยบายส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมทำงานสังคมและกิจกรรมพนักงานผ่านชมรมพนักงาน ซึ่งการมีกิจกรรมชมรมต่างๆเป็นบรรยากาศเหมือนสมัยที่หลายคนเรียนมหาวิทยาลัย เป็นความสุขของคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีความชอบ ความสนใจเรื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นการสร้าง Ecosystem ของการที่จะส่งเสริมให้เพื่อนพนักงานเรียนรู้ซึ่งกันและกันและเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนหลายๆอย่างเหมือนเอาเรื่องเล่นมาเริ่มต้น แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ได้กลับมา จะยิ่งกว่าแค่เรื่องที่เราเล่นด้วยกัน เป็นเรื่องเกี่ยวไปถึงงาน การทำงานจะง่ายขึ้น เกี่ยวกับการทำงาน cross funtion ซึ่งจะต่อยอดงานไปได้อีกมาก

อย่างไรก็ตามคุณนริศราเผยว่าเรื่องชมรมพนักงานมีพื้นฐานของการเริ่มเรื่องนี้มาจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อองค์กรซีพีเอฟและมีอยู่ข้อหนึ่ง มีคำถามหนึ่งที่ค่อนข้างบ่งชี้ให้เห็นว่าการที่เรามีชมรมพนักงานอาจจะช่วยให้เราปิดช่องว่างตรงนี้ได้ โดยการเริ่มต้นชมรมของเพื่อนพนักงานในปีแรก มีการเชิญผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งผู้บริหารที่อยู่ใน Management Committee หรือคณะกรรมการการจัดการของซีพีเอฟ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ชมรม

“เวลานี้มีชมรมพนักงานถึง 14ชมรม ซึ่งก็มีสปอนเซอร์ครบแล้ว โดยอีก2ชมรมผู้บริหารตอบรับ และแต่ละชมรมผู้บริหารไม่ได้มาท่านเดียว แพคกันมา น่ารักมาก ตอบรับกันมา3-4ท่านก็มี แต่ก็ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น เป็นช่วงที่เปิดรับสมัครเป็นสมาชิกชมรมแล้วก็วางบทบาทของกรรมการที่เข้ามาดูแลชมรม” คุณนริศรากล่าว

14ชมรมพนง.ซีพีเอฟรอต้อนรับสมาชิก
คุณนริศรากล่าวอีกว่าโครงการส่งเสริมชมรมพนักงานเป็นการเปิดพื้นที่ในเรื่องดีๆหลายเรื่อง 14ชมรมแรกนี้ทางทีมงานอยากให้เกิดจากสิ่งที่พนักงานต้องการอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ในเรื่องของความผูกพัน ทีมงานจะไม่หยิบจับสิ่งที่ไม่ใช่เป็นที่ต้องการของพนักงานมา

“มันอาจจะไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง เราจึงเริ่มจากการสำรวจว่าพนักงานมีความสนใจเรื่องอะไร กิจกรรมไหนบ้างที่เค้าอยากให้มี อยากให้เกิดขึ้นและพนักงานมีความสบายใจที่จะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือมีกิจกรรมต่อเพื่อนร่วมงานกันเอง”

คุณนริศราเล่าว่าเริ่มแรกมีชมรมฯ 12 ชมรมก่อน แล้วก็มาเป็น14ชมรม ใน14ชมรมแม้เราจะถามมาจากความคิดเห็นของพนักงานเองก็ตาม แต่สิ่งที่ทีมงานมองเห็นคำตอบของเพื่อนพนักงานมีเรื่อง CPF Way อยู่ในนั้นเสมอ รวมทั้งเรื่องของ 3ประโยชน์ อยู่ในนั้นด้วย จะเห็นว่าชมรมที่เกิดขึ้นมา วัตถุประสงค์ชมรมที่พนักงานเข้ามาร่วมกันมีเรื่อง CPF Way และ 3ประโยชน์ อยู่ใน DNA ของพนักงานอยู่แล้วจริงๆ แม้กระทั่งกิจกรรมที่ได้ฟังในเบื้องต้น ต้องบอกว่าทีมงานพยายามไม่กำหนดกิจกรรมในลักษณะที่เรากำหนดลงไป อยากให้เป็นอย่างที่เพื่อนพนักงานต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อให้โครงการนี้ยั่งยืนและหมุนไปด้วยกลไกของคนที่อยู่ในชมรมด้วยกันเอง

“ทีมงานของเรามีอยู่ 3คน การที่จะให้คน3คนไปขับเคลื่อนอะไรแบบนี้มันอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าเพื่อนพนักงานเหล่านั้นพนักงานที่มีความรู้สึกอยู่ตรงนั้น มองหาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วขับเคลื่อนกันเอง เลยเปิดโอกาสให้เพื่อนพนักงานคิดสร้างสรรค์ ที่จะกำหนดรูปแบบกิจกรรม รูปแบบโครงสร้างโดยจะมีพี่ที่เป็นสปอนเซอร์เป็นผู้บริหาร ในปีแรกและมีคณะกรรมการโครงการคล้ายๆกับตอนเราทำกิจกรรมในหมาวิทยาลัย มีประธานเหรัญญิก มีเลขา มีทีมงานที่อาจจะเข้ามามีบทบาทในการจัดกิจกรรมประมาณนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงรับสมัครสมาชิก จึงยังไม่มีการจัดกิจกรรมอะไร แต่ก็มีกิจกรรมของบางชมรมเริ่มแล้วเหมือนกัน อย่าง

ชมรมหมากล้อม หมากล้อมเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง เป็นศาสตร์หนึ่งที่ที่ซีพีให้ความสนใจอยู่แล้ว เราก็เริ่มตรงนี้ไปก่อน เรามีนักกีฬาของชมรมเองแล้ว เราเร่ิมที่จะทำการสอนให้กับเพื่อนๆกันเองและครอบครัวขอพนักงานให้ได้มารู้จักศาสตร์ของหมากล้อม ก็เริ่มไปแล้วหลายสัปดาห์เหมือนกัน มีคนติดตาม มีกรุ๊ปไลน์ของกันเอง มีแชร์ความรู้ มีการนัดกันเล่นหมากล้อมประจำทุกสัปดาห์

14 ชมรมพนักงาน ที่น่าสนใจชวนชาวซีพีเอฟช้อปเป็นสมาชิก
สำหรับชมรมพนักงานทั้ง 14 ชมรม ในขณะนี้ของซีพีเอฟประกอบด้วย ชมรมการออมและการลงทุน /ชมรมปั่นจักรยาน /ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ /ชมรมแบดมินตัน/ ชมรมบำเพ็ญประโยชน์ /ชมรมถ่ายภาพ /ชมรมท่องเที่ยว ท่องเที่ยวจะมีเรื่องของการชิมอาหารด้วย /ชมรมทำอาหา ชมรม Coding&Robotic ตอนนี้ซีพีเอฟมีคนที่ค่อนข้างมีความรู้ และความเชี่ยวชาญที่จะมาแบ่งปัน /ชมรมฟุตบอล /ชมรมครอบครัว มองไปถึงเรื่องความรัก ความผูกพันในครอบครัว การดูแลผู้สูงอายุที่บ้านหรือดูแลเด็ก /ชมรมหมากล้อม /ชมรมคนรักสัตว์เลี้ยง ซึ่งอันนี้จะมีเกี่ยวข้องกับโปรดักซ์ตัวหนึ่งของซีพีเอฟที่ค่อนข้างตอบโจทย์ในเรื่องของสัตว์เลี้ยง เชื่อว่าพนักงานซีพีหลายๆคนก็ค่อนข้างจะมีสัตว์เลี้ยง มีความสนใจในเรื่องนี้ และสุดท้ายชมรมดนตรี

สำหรับชมรมการออมและการลงทุน ทีมงานคุณนริศราจะขึ้นโครงให้ก่อน ขึ้นกับสมาชิกจะปรับเปลี่ยนกิจกรรมไปในทิศทางไหน อาจจะมีกิจกรรมที่อาจเป็นพี่เลี้ยงให้สมาชิก เกิดทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารการเงินของตัวเอง ให้ความรู้ มีการตั้งเป้าหมายที่ถูกต้องและได้ลงมือทำในเรื่องของการลงทุน ในเรื่องของความรู้ Finacial Literacy มีกลุ่มดิจิตอลที่สามารถแชร์ความรู้ตรงนี้กันได้ สมัยนี้เรื่องการลงทุนไปไกลมาก ก็อาจจะเป็นการให้ความรู้เป็นหลัก

ชมรมหมากล้อมก็จะขยายไปถึงครอบครัวด้วย เราเชื่อว่าในการปลูกฝังในเรื่องของศาสตร์และกลยุทธ์ในเชิงการคิดจากกีฬาหมากล้อมมันค่อนข้างดี และก็ดึงในส่วนของครอบครัว ใครมีคุณพ่อคุณแม่อยากจะมาร่วมที่จะทำให้ท่านมีโอกาสฝึกสมองหรือป้องกันการเป็นอัลไซเมอร์ก็มีการจัดกิจกรรมร่วมกับครอบครัวด้วย พนักงานซีพีเอฟก็ค่อนข้างทำงานหนัก ให้ครอบครัวได้มาเห็นว่าเราทำอะไรกัน เรามีความสุขแค่ไหนที่เราอยู่ในออฟฟิศร่วมกัน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวรักแบรนด์ขององค์กรไปด้วย

ชมรม Coding&Robotic ต้องการให้สมาชิกชมรมได้เกิดทักษะใหม่ เค้าบอกว่าทักษะนี้เป็นทักษะใหม่ในโลกทีรปัจจุบันมีความต้องการคนที่มีความสามารถทางด้านนี้ แม้จะเป็นเรื่องค่อนข้างเทคนิเคิล แต่เชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่สนใจเรื่องนี้และค่อนข้างเป็นประโยน์ในเรื่องของการทำงาน ชมรมดนตรีก็จะเป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนที่รักดนตรีและอาจจะต่อยอดของการเป็นเครือข่ายข้ามสายงานรวมทั้งสามารถจัดเป็นเวอร์ชวล คอนเสิร์ตให้คนซีพีเอฟได้เข้ามาร่วม ข้ามสายงานด้วยก็ได้ มีวงเป็นของตัวเอง เวลาซีพีเอฟมีกิจกรรมสังสรรค์ ชมรมถ่ายภาพก็เป็นการรวบรวมสมาชิกชมรมที่ชอบถ่ายภาพหรืออาจจะร่วมกับชมรมอื่นๆก็ได้ อย่างชมรมท่องเที่ยวและชิมอาหาร ชมรมบำเพ็ญประโยชน์ ชมรมถ่ายภาพก็สามารถไปร่วมกิจกรรม ถ่ายรูปให้ อาจจะนำภาพเหล่านั้นมาใช้ในมุมของบริษัท อย่างเช่นโพสต์ลงไปในเฟสบุ๊ค LinkedIn หรือชมรมถ่ายภาพจะถ่ายภาพไว้เป็นสต็อกโฟโต้ของซีพีเอฟเองก็สามารถไว้ใช้งานได้ หรือกระทั่งประมูลประกวดภาพถ่ายเหล่านี้เพื่อนำเงินไปร่วมกับชมรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อจัดกิจกรรมเพื่อสังคมก็ได้เช่นเดียวกัน สามารถทำได้หลายรูปแบบ

สำหรับชมรมทำอาหาร ซึ่งสนใจ รักในการทำ อาหาร ซึ่งเป็นDNAที่คนซีพีเอฟมีอยู่แล้วน่าจะต่อยอดพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น ข้ามสายงานน่าจะดีขึ้น และก็อาจจะนำกิจกรรมของการช่วยกันทำอาหารไปช่วยผู้ประสบภัยก็ได้เหมือนกัน ชมรมท่องเที่ยวและชิมอาหารกำลังพิจารณาเป็น 2แนวทาง เพราะมีผู้บริหารที่เป็นสปอนเซอร์ค่อนข้างมากสำหรับชมรมนี้ มองว่าอาจจะแตกรายละเอียดของชมรมนี้ ในกิจกรรมที่ดีกว่าที่ทีมงานวางไว้

สำหรับชมรมท่องเที่ยวและชิมอาหาร อาจจะพาไปทริปกินอาหารในร้านลูกค้าหรือคู่ค้าของซีพีเอฟ เพื่อทำการรีวิวให้กับลูกค้าของเราผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อเป็นการโปรโมทสินค้าซีพีเอฟไปในตัว หรือแนะนำเมนูดีๆที่R&Dได้คิดค้นออกมาไปให้ลูกค้าได้ลองปรุง ลองปรับใช้ก็น่าจะเป็นอันหนึ่งที่พนักงานให้ความสนใจ น่าจะสนุกรวมไปถึงได้ประโยชน์กับทางองค์กรกลับมาด้วย

ชมรมบำเพ็ญประโยชน์ก็ใช้เรื่องปลูกค่านิยม 3ประโยชน์ให้สมาชิกได้ต่อยอดสู่สังคม เช่นเดียวกันการทำกิจกรรมเพื่อสังคมเชื่อว่าจะได้เครือข่ายจากการพบคนดีๆก็จะทำให้พนักงานเจอเพื่อนใหม่ๆและสามารถช่วยงานกันภายในซีพีเอฟได้ รวมถึงเป็นกิจกรรมที่จะช่วยในเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนที่ดีให้กับองค์กรได้ด้วย

และชมรมครอบครัวซีพีเอฟ อย่างที่บอกก็เป็นการให้ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ในเรื่องการดูแลเด็ก ดูแลผู้ป่วยในครอบครัว เพื่อส่งเสริมในเรื่องสถาบันครอบครัว ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ เข้าใจว่าหลายๆทีมมีกิจกรรมวิ่งกันอยู่แล้ว อาจจะไม่มีรูปแบบที่เป็นทางการก็อาจจะรวบรวมไว้ในจุดเดียว จะสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่าง หลายรูปแบบ การวิ่งก็เป็นการส่งเสริมในเรื่องของการตั้งเป้าหมายการมีวินัย เชื่อว่าชมรมวิ่งน่าจะช่วยในหลายลักษณะไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเพื่อการกุศลหรือวิ่งเพื่อสุขภาพของตัวเองก็ได้

ชมรมคนรักฟุตบอลก็จะคล้ายๆกันกลุ่มคนที่รักกีฬาฟุตบอล รวมตัวกัน อาจมีการทำพรีเมียร์ลีกในซีพีเอฟหรือในอนาคตอาจมีทีมฟุตบอลของเราไปแข่งกับในเครือได้ด้วยหรือสานความสัมพันธ์ไปแข่งนอกซีพีเอฟอีกด้วย

ชมรมปั่นจักรยานก็เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพคล้ายๆกับชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ ปั่นจักรยานก็อาจไปผนวกกับชมรมบำเพ็ญประโยชน์หรือชมรมท่องเที่ยวก็ได้กลุ่มก้อนที่ใหญ่ขึ้นหรือได้เครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น ชมรมแบดมินตันก็เป็นชมรมในลักษณะเดียวกัน ส่งเสริมด้านสุขภาพอาจจะมีตัวแทนนักกีฬาของเรา ส่วนชมรมคนรักสัตว์เลี้ยงก็อาจจะให้ข้อมูลสมาชิกในเรื่องการเลี้ยงสัตว์อาจเป็นการจัดมีทติ้งกัน

ฟังคุณนริศราแจกแจงรายละเอียดของแต่ละชมรมแล้วล้วนน่าสนใจ มีแนวคิด แนวทางชัดเจน และชมรมต่างๆไม่ได้ตอบแต่ความต้องการ ความสนใจของสมาชิกแต่ยังขยายไปยังบทบาทในการทำงานเพื่อสังคมและยังเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทั้งภายในซีพีเอฟและBUอื่นๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานใกล้ชิดผู้บริหารเพราะผู้บริหารเป็นสปอนเซอร์ จึงอยากจะเรียนเชิญๆพี่น้องผองเพื่อนชาวซีพีเอฟมาร่วมเป็นสมาชิกมาร่วมกิจกรรมของชมรม จะได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่ๆผู้บริหาร นอกเหนือจากเรื่องงานได้ทำความรู้จัก ใกล้ชิด ได้เห็น รู้จักผู้บริหารไม่เพียงแค่มุมทำงานเท่านั้นผู้บริหารอาจจะมีกิจกรรมที่คิดไม่ถึง เป็นโรลโมเดลที่ผู้บริหารให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้

คุณนริศรากล่าวอีกว่านอกจากนี้ในส่วนของกรรมการชมรมทีมงานก็มีการคุยกันถึงแผนงาน งบประมาณที่จะใช้ให้ทีมงานได้พิจารณารวมไปถึงการดูแลทีมงานที่จะมาช่วยทำงาน เสียสละเวลามาช่วยทำงาน ก็มีแนวทางในเรื่อง

เหล่านี้ ทางทีมงานก็จะอำนวยความสะดวกให้ชมรมในเรื่องการทำงาน สร้างแรงจูงใจในการขับเคลื่อนชมรมพนักงาน มีการทำงานใกล้ชิดกันในเรื่องของการติดตามการทำงานไปด้วยกัน

คุณนริศราบอกว่าสำหรับการผลักดันการดำเนินงานของชมรมพนักงานของซีพีเอฟทางทีมงานจะโฟกัสในเมืองไทยก่อน เมื่อทำแล้วมีรูปแบบที่ลงตัว ก็จะเป็นโมเดลให้กับในประเทศอื่นๆที่ซีพีเอฟไปมีกิจการอยู่ และหากมีพนักงานสนใจที่จะตั้งชมรมเพิ่มเติมทางทีมก็ยินดีให้คำปรึกษา ก็อาจจะให้มีการทำการบ้านมาก่อนว่าจะตั้งชมรมมีวัตถุประสงค์อะไร มีผู้สนใจมากน้อยแค่ไหน และดูว่าชมรมนั้นเปิดโอกาสให้กับทุกคนสามารถร่วมกิจกรรมได้หรือไม่

คาดหวังชมรมพนง.สร้างสัมพันธ์สร้างสรรค์สังคมชวนชาวซีพีเอฟมาร่วมกัน
คุณนริศราบอกถึงสิ่งที่คาดหวังว่าเมื่อผู้บริหาร พนักงานมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันก็จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร และยังเป็นการส่งเสริมในเรื่องของความแตกต่าง จะเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็น เปิดต่อมุมมองของแต่ละคน เพราะการอยู่ร่วมกันในชมรมเป็นการอยู่ร่วมกันแบบพี่น้องเหมือนในมหาวิทยาลัย เป็นการยอมรับไอเดียกันแล้วมาปรับจนได้จุดที่ร่วมกัน นี่ก็จะเป็นเวทีที่ดีส่งเสริมในเรื่องเหล่านี้

“ซีพีเอฟให้ความสำคัญเรื่องคนเหมือนที่ท่านประธานอาวุโสให้แนวทาง เรามองคนหลายมิติ ชมรมพนักงานเป็นอีกมิติหนึ่งของการเชื่อมความสัมพันธ์ การรวมตัวของพนักงานในการทำกิจกรรมที่ดีๆ เป็นประโยชน์ร่วมกันและหลังจากโควิด เราอาจจะห่างหายกัน อันนี้ก็จะเป็นความสุขที่หลายคนแสวงหา การที่เราส่งเสริมให้พนักงานรักกัน มีความสุขที่อยู่ในองค์กรก็จะทำให้เกิดการบอกต่อและเรายังนำสิ่งนี้ไปบอกให้สังคมภายนอกรู้ก็ถือเป็นการทำ Brandingและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ คนที่สนใจจะมาร่วมงานกับเรา เด็กรุ่นใหม่ก็จะรับรู้และตัดสินใจมาร่วมงานกับเราได้จากสิ่งนี้และถูกจริตกับคนที่ชอบแบบนี้ ใช่รูปแบบการทำงาน การใช้ชีวิตที่เค้าแสวงหาอยู่ก็ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจที่จะเลือกมาทำงานกับองค์กรได้เหมือนกัน” คุณนริศรากล่าวตอนท้ายและฝากชาวพี่น้องซีพีเอฟมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมทั้ง14 ชมรมหรือมาร่วมเป็นกรรมการขับเคลื่อนชมรมพนักงานกัน

Cr. CP Story