CPF แบรนด์ผู้ผลิตอาหารไทยระดับโลก ผู้นำอันดับ 1 ด้านนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ

เราได้ยิน Farm to Table กันมาเยอะแล้วหลังมีผู้ผลิตสินค้าเกษตรหลายเจ้าที่หันมาทำเกษตรที่ใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงสัตว์ แต่หากพูดคำว่า Feed to Table แล้วล่ะก็แน่นอนว่าคงมีไม่กี่เจ้า และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “CPF” ในฐานะผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของไทย และครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Integration Model) ที่มีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ยาวที่สุด จากธุรกิจผลิตอาหารสัตว์สู่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์จนถึงธุรกิจอาหารแปรรูป

นอกจาก Feed to Table จะทำให้ CPF สามารถควบคุมคุณภาพและตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการ ยังตอบโจทย์เรื่องอาหารยั่งยืน หรือ Food Sustainability กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ซึ่งทุกวันนี้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศครอบคลุม 17 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน จีน อินเดีย ศรีลังกา รัสเซีย ตุรกี โปแลนด์ เบลเยียม อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี อีกทั้งมีการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงปลอดภัยไปมากกว่า 40 ประเทศ ป้อนประชากรกว่า 4,000 ล้านคนทั่วโลก

ตัวเลขทั้งหมดนี้ย่อมชี้ให้เห็นว่า CPF ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์อาหารระดับโลกและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชากรโลกด้วย จากข้อมูล UN FAO (Food and Agriculture Organization) ปี 2560 ยังได้จัดอันดับให้เครือซีพีเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ชั้นนำ สุกร ไก่ และกุ้ง ด้วยมาตรฐานสากลและดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล

แน่นอนว่ากว่าจะมายืนอยู่ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารแล้ว คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะการพาแบรนด์ไทยไปเติบโตในต่างประเทศ และสร้างการยอมรับจากคนทั่วโลก แต่ CPF ยึดหลัก “ความทุ่มเทหัวใจในการผลิตอาหาร” (Put our Heart into Food) ขับเคลื่อนธุรกิจบนพื้นฐานของ 3 เสาหลัก ได้แก่ Innovation – People – Planet  เพื่อเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะ “ครัวของโลก” ที่ยั่งยืน”

คุณอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) อธิบายในเรื่องนี้ว่า เสาแรก CPF นำ Innovation มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ โดยก่อตั้ง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารซีพีเอฟ” หรือ CPF RD Center ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ เป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร สร้างความแตกต่าง เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารโลกได้

เสาที่ 2  People เพราะพนักงานเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน และเพื่อตอบรับการก้าวสู่องค์กรยุคดิจิทัล จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ และมีสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Leadership Institute) เป็นที่บ่มเพาะบุคลากร ผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เสาที่ 3  Planet โดยดำเนินการผลิตอาหารที่ทุกขั้นตอนด้วยความใส่ใจ มีแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นกรีนฟาร์ม การพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้รวมร้อยละ 99.99

นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ มาบูรณาการกับกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ช่วยควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารในขั้นสูงสุด

“เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและความสำเร็จของธุรกิจอาหาร เราจึงมุ่งเน้นประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบดิจิทัล IoT การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เช่น Smart Farm 4.0 ช่วยให้การทำฟาร์มมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น และ Smart Silo ที่ช่วยตรวจจับปริมาณอาหารสัตว์ในไซโลและสั่งอาหารมาใส่เพิ่มได้โดยอัตโนมัติ การนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ปรับปรุงพันธุ์สัตว์ให้ดีขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิต ช่วยให้สัตว์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในฟาร์ม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงทางอาหารได้”

แต่การที่ธุรกิจจะเติบโตและประสบความสำเร็จได้นั้น คงต้องยอมรับว่าผู้ผลิตต้องปรับตัวตอบรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของอุตสาหกรรม และผู้บริโภคได้อย่างทันสถานการณ์ด้วย โดยเฉพาะแนวโน้มของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดโควิด-19  CPF จึงทำการวิเคราะห์ออกมาเป็น 5 เทรนด์ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตให้กับอุตสาหกรรมอาหารของไทยในอนาคต ได้แก่

        1. Health and Well-being: ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และมีคุณค่าโภชนาการมากขึ้น อาหารเป็นยา อาหารที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีขึ้น
        2. Convenient and Fresh: จากการระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคสนใจความสะดวกและความสดใหม่ของอาหาร และต้องหาซื้อได้ง่ายและสะดวก
        3. Product and Channel Innovation: ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสนใจกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
        4. Premium and Value for Money: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูง มีความเป็นพรีเมียม และมีความคุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายไป
        5. Environmental Sustainability: ผู้บริโภคเน้นถึงอาหารที่มาจากกระบวนการผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม

การถอดรหัส 5 เทรนด์ดังกล่าวนำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมอาหารต่างๆ อย่างต่อเนื่องจนสามารถคว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สัญชาติไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารคุณภาพที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก อาทิ ไก่เบญจา “Benja Chicken” ครั้งแรกของไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง ซึ่งเป็น Superfood 100% เป็นธรรมชาติ ปราศจากฮอร์โมนเร่งโต ได้รับรองจาก NSF ว่าปลอดยาปฏิชีวนะ ล่าสุด ไก่เบญจา ประสบความสำเร็จเป็นเนื้อไก่สดแบรนด์แรกของไทยที่สามารถคว้ารางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก” ประจำปี 2022” หรือ Superior Taste Award 2022 จากเบลเยียม, หมูชีวา (Cheeva Pork) เป็นเนื้อหมูมีปริมาณโอเมก้า-3 สูงกว่าเนื้อหมูทั่วไป เพราะเลี้ยงด้วยอาหาร Superfood ได้แก่ Flaxseed น้ำมันปลา สาหร่ายทะเลลึก จึงเป็นผลิตภัณฑ์หมูสดที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศสุดยอดนวัตกรรมอาหาร ในงาน ThaiFex-Anuga Asia 2020

ล่าสุด ได้พัฒนานวัตกรรมเนื้อจากพืช ภายใต้แบรนด์ Meat Zero โดยพัฒนาและวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเป็น PLANT-TEC เทคนิคช่วยให้ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชมีเนื้อสัมผัส และรสสัมผัสเหมือนเนื้อสัตว์จริง โดยนักเก็ตและไส้เบอร์เกอร์รสกระเทียม ของ Meat Zero สามารถคว้ารางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2022” หรือ Superior Taste Award 2022 ที่เบลเยียม และในปีเดียวกันยังรับรางวัล “THAIFEX-ANUGA Taste Innovation Show 2022” ในงาน Thaifex-Anuga Asia 2022 อีกด้วย ปัจจุบัน ซีพีเอฟส่งออก Meat Zero ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง

รวมถึงให้ความสนใจโปรตีนทางเลือกจากการเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อ (Cell-based Meat) โดยมองว่าเป็นนวัตกรรมที่จะมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารโลก CPF จึงจัดตั้งทีมงานศึกษาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล นำไปสู่การพัฒนาสินค้าและตลาดในอนาคต

คุณอนรรฆวี ย้ำว่า กลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตของ CPF นับจากนี้ไป ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยจะนำเทรนด์อาหารใหม่ๆ ที่ฉีกรูปแบบเดิมๆ ของอาหารสำเร็จรูปเพื่อยกระดับประสบการณ์บริโภคสินค้า

เชื่อเหลือเกินว่าแนวทางนี้จะทำให้ CPF ยังคงรักษาตำแหน่งผู้ผลิตอาหารชั้นนำส่งตรงถึงผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อให้ทุกคนสัมผัสถึงคุณภาพสินค้าและนวัตกรรมอาหารระดับโลก

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : CP https://www.facebook.com/brandcp และ CPF https://www.facebook.com/CPFGroup

Cr.Brand Buffet