ซีพีน่าน ผนึกกำลัง Makro รับซื้อ “ฟักทอง” จากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จ.น่าน

เครือซีพี โดยสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จังหวัดน่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจในเครือฯ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เข้ารับซื้อผลิตผลทางการเกษตร “ฟักทอง” โดยตรงจากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์น่าน ในพื้นที่ ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน เพื่อเพิ่มช่องทางด้านการตลาด สร้างรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคงให้กับกลุ่มเกษตรกรในโครงการฯ โดยในครั้งนี้ เป็นผลผลิตจากเกษตรกรรุ่นที่ 1-2 รวม 20 ตัน ในพื้นที่ 9 ไร่ สามารถสร้างรายได้กว่า 430,000 บาท ส่งจำหน่ายที่ศูนย์กระจายสินค้า Makro เขตภาคกลาง

คุณบัญชา โชติกำจร ผู้อำนวยการสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จังหวัดน่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า “จากการทำงานพัฒนาชุมชนในพื้นที่จังหวัดน่านของเครือซีพี ในทุกฤดูกาลเกษตรกรมักจะประสบกับภาวะสินค้าเกษตรล้นตลาด เราจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาคุณภาพของสินค้าเกษตรเพื่อให้ได้มาตรฐาน สามารถนำวางจำหน่ายในตลาดโมเดิร์นเทรดได้ผ่านการผนึกกำลังกับแม็คโคร เสริมช่องทางตลาด ที่จะทำให้เกษตรกรได้รับรายได้ที่เป็นธรรมและลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ

โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจ Makro ในการลงพื้นที่ให้คำแนะนำการจัดการผลผลิตเกษตร รวบรวมคัดบรรจุผลผลิตทางการเกษตร การรับซื้อและจัดการผลผลิตที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และสร้างรายได้ที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร โดย “ฟักทอง” เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม หรือ Good Agriculture Practices (GAP) ตรงตามมาตรฐานที่ Makro กำหนด ทั้งขนาด น้ำหนัก สีผิว รวมทั้งเนื้อฟักทองสีสวย นอกจากนี้ ในตลอดปี 2566 จะมีผลผลิตจากรุ่นที่ 3-5 อีกกว่า 40 ตัน ในพื้นที่ 19 ไร่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกกว่า 700,000 บาท

พื้นที่ ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน เดิมเป็นพื้นที่ที่ทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ เครือข่ายเกษตรจึงได้สนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกษตร ส่งเสริมพืชทางเลือกใช้น้ำน้อยแทนแทน เช่น ฟักทอง จากการร่วมมือกันในพื้นที่ ทำให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ แต่ก็ยังประสบปัญหาเรื่องตลาด ที่มีการจำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลาง จำหน่ายได้ในราคาที่ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด เครือซีพี และ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จึงเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสและขยายช่องทางการตลาด ทำให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น