ทรู-ดีแทครวมพลังยื่นหนังสือต่อ กสทช. ไม่ดึงเรื่องพิจารณาควบรวมธุรกิจ หวั่นผู้บริโภคและประเทศเสียประโยชน์

ผลประโยชน์ผู้บริโภคและประเทศชาติสำคัญที่สุด…บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย คุณจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดย คุณเลิศรัตน์ รตะนานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประสานงานภาครัฐ ร่วมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดย พล.อ.กิตติ เกตุศรี ผู้ปฏิบัติงานประธาน กสทช. เพื่อให้นำเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทค มาพิจารณาโดยเร็ว หลังยื่นรายงานไปตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 และได้ให้ความร่วมมือนำส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่สำนักงาน กสทช.ร้องขอมาโดยตลอด ที่ขณะนี้ผ่านไป 9 เดือน ซึ่งเลยจากระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดมานานแล้ว การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น ความล่าช้าดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้บริโภค ผู้ถือหุ้น ประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ ที่จะเสียโอกาสจากการได้ใช้สินค้า บริการ และสิทธิพิเศษที่มากขึ้น ตลอดจนการเครือข่ายสัญญาณที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัล

คุณจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การมายื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการ กสทช.อย่างเป็นทางการนี้ เพื่อให้ กสทช. ต้องพิจารณาการควบรวมโดยเร็ว เนื่องจากได้ยื่นเอกสารตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา จนล่วงเลยมาถึง 9 เดือน ยังไม่มีบทสรุปเป็นทางการจาก กสทช. ซึ่งปกติต้องพิจารณาภายใน 90 วัน โดยทรูและดีแทคเข้าใจดีว่าคณะกรรมการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ด้วยการใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้เกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้มานานแล้วได้เกิดผลกระทบความเสียหายต่อผู้บริโภคทั้งทรูและดีแทคซึ่งจะยังใช้บริการและโครงข่ายร่วมกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากขอความเป็นธรรมจาก กสทช. ให้ช่วยเร่งรัดพิจารณาไม่ให้เกิดความล่าช้าไปมากกว่านี้ และหาก กสทช. เห็นควรให้มีมาตรการตามหลักเกณฑ์ที่กฎมายกำหนด ให้บริษัทผู้ควบรวมปฏิบัติก็ขอให้พิจารณามาตรการที่เหมาะสม โดยยึดถือหลักของผู้บริโภคและการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมควบคู่กันไป”

คุณเลิศรัตน์ รตะนานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประสานงานภาครัฐ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “กระแสตอบรับการควบรวมจากลูกค้าดีแทคเป็นไปในทางที่ดี เพราะทำให้การใช้บริการดีขึ้น ซึ่งทุกองค์กรต้องมีการทำวิจัยเพื่อสอบถามความคิดเห็นของลูกค้าว่ามีผลอย่างไร แต่เท่าที่บริษัทได้วิจัยแล้วเห็นว่าไม่มีผลในแง่ลบ มีแต่แง่บวก ซึ่งยืนยันได้ว่าลูกค้าดีแทคจะได้ใช้งานเครือข่ายที่ดีขึ้น พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน”

คุณจักรกฤษณ์ กล่าวสรุปเพิ่มเติมว่า “สำหรับมาตรการที่ทาง กสทช. จะกำหนดยังไม่ทราบว่ามีข้อใดบ้าง ตามที่มีข่าวว่าจะไม่ให้รวมคลื่นนั้น มองว่า กสทช. น่าจะไม่มีข้อนี้ เพราะการรวมคลื่นทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ลูกค้าทั้ง 2 บริษัทสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันได้ และในส่วนความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาด ราคาค่าบริการจะสูงขึ้นและจะทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนหรือไม่ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะ กสทช. มีประกาศเรื่องอัตราค่าบริการ มีการกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงสุด กสทช. สามารถกำกับได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ในขณะที่เรื่องคุณภาพยิ่งไม่ใช่ปัญหา เชื่อได้ว่าจะดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การควบรวมธุรกิจยังจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน ทั้งนี้ หากพรุ่งนี้ยังไม่มีการลงมติ ก็อยากขอความเห็นใจและขอให้เข้าใจว่าวันนี้เรามีผู้ถือหุ้น ลูกค้า ประชาชนที่รออยู่ ซึ่งได้รับความเสียหายโดยตรง รวมถึงสังคมและประเทศชาติ ถ้าควบรวมกันได้จะสามารถต่อยอด 5G ได้เร็วขึ้น”

Cr.Manager